Life is short then do what brings happiness to life.ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุข ก็ทำไป

เรื่องราวที่เขียนในบล๊อกเป็นประสบการณ์ และชิวิตประจำวันของโอ้ทเอง เขียนไว้เป็นบันทึก เก็บไว้อ่านย้อนหลังเมื่อวันเวลาผ่านไป ซึ่งเอากลับมาไม่ได้ หากสิ่งที่เขียนเป็นประโยชน์กับบางคน หรือหลายคนด้วยก็ดีใจ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ

Friday, January 28, 2011

บูทแดง แรงฤทธิ์ (มั้ยน๊า)

สั่งจากอีเบย์จนลืมไปแล้วเพราะใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะได้ เนื่องจากของส่งมาจากจีน เป็นรองเท้าบูทใส่เดินหิมะ ดูมานานแล้วอยากได้อีกคู่เพราะคู่ที่ใส่อยู่ประจำ (มีคู่เดียว)ใส่จนน้ำซึมได้แล้ว แต่หาถูกใจ ถูกราคาไม่มีเลย ร้านบีเจที่ซื้อคู่ปัจจุบันก็ไม่มีขายอีก ซื้อมาถูกด้วย 19.99 เหรียญ  เอาละตัดสินใจจ่ายแพง 38.99 เหรียญ  (ไม่เคยซื้อแพงแบบนี้ถ้าซื้อเอง) เลือกเพราะชอบแบบ และไม่มีค่าส่ง เพราะถ้าชอบแบบแต่มีค่าส่งก็ไม่เอา นอกจากถูกกว่านี้ รวมค่าส่งแล้วสมน้ำสมเนื้อ ได้มาวันนี้ ประหลาดใจว่า ก้อนอะไรอยู่ในกล่องไปรษณีย์ มีป้ายเขียนไว้ว่า บูทจากจีน โอ้โห พับม้วนมาแบบนี้ได้ แล้วรองเท้าจะทนความเย็นไว้เหรอเนี่ย เพราะคู่ที่ใส่อยู่ทุกวันนี้บุข้างในหนา อุ่นมากๆๆ แต่ใช้จนน้ำซึมแล้ว พรุ่งนี้ใส่แล้วถ้าไม่คุ้มหนาว จำไว้ว่าอย่าเห็นแก่ความสวยอย่างเดียว จ่ายแพง แล้วไม่ได้ตามที่ต้องการ คงตั้งสั่งยี่ห้อเดียวกับที่ใส่อยู่ แต่ราคาคงไม่ได้เท่าเดิมแน่เลย




คู่ที่ใส่ทุกวันนี้ยี่ห้อ Khumbu ถูกและดี

แจ๋วแจ่มใส #10

28 ม.ค 2554...วันนี้ไปทำงานก่อนเวลานิดหน่อย ฟ้าไม่สว่าง แล้วเงียบสงบ แต่ถนนยังคงมีหิมะที่กลายเป็นน้ำแข็งทั่วไป ในหมู่บ้านน้ำแข็งสองข้างทางเพราะแต่ละบ้านกวาดกองกันไว้ทั่วหน้า เปิดประตูบ้านออกมารู้สึกถึงไอเย็นได้เลย ทั้งๆๆที่อุณหภูมิวันนี้ 31 ฟาเรนไฮต์ แต่เย็นเยือกๆๆๆๆ

ไปถึงบ้านทำงาน วันนี้ตั้งใจไว้ล้างห้องน้ำ สามห้อง พับผ้าที่ตากไว้เมื่่อวาน เปิดประตูเข้าไป (ประตูไม่ล๊อค) บ้านเงียบจัง เดินเข้าไปดูห้องนอนแม่บ้าน หลับอยู่ ต้องค่อยๆย่อง เก็บขยะไปทิ้ง เข้ามาเอาถังวาง แม่บ้านตื่น แล้วบอกว่าเมื่อคืนอาการไม่ดี ปวดท้อง เพราะยาแก้ปวดแผลมีผลกับกระเพาะต้องไปโรงพยาบาล เพิ่งกลับกันมาได้สักชั่วโมงนี้เอง ...น่าสงสารมาก เพราะกินยาแก้ปวดไม่ได้เพราะยาแก้ปวดทำให้ปวดท้อง โอ้ทฟังแล้วแทบร้องไห้แทน แม่บ้านบอกให้ไปดูเงินสัปดาห์นี้ เพราะเขาลืมว่าใส่ไว้ในโหลหรือเปล่า (ดูแล้วมี)

ทำงานต่อด้วยการเก็บตะกร้าผ้าไปหย่อนในช่อง มีผ้าซักวันนี้ด้วย จัดแจงลงไปเอาผ้าใส่เครื่อง แล้วเตรียมอุปกรณ์ล้างห้องน้ำ ขึ้นมาทำสองห้องข้างบน ยังเหลิอห้องข้างล่าง แต่ลูกชายอยู่เผื่อเขาจะใช้ห้องน้ำเลยยังไม่ทำ รอก่อน สักพัก พ่อบ้านกลับมา อ้าววันนี้อยู่กันทุกคนเลย...แต่เตรียมอาหารที่ต้องทำออกมาจากตู้เย็นไว้แล้ว

เมื่อทำห้องน้ำสองห้องเสร็จ ไม่รู้จะทำอะไรต่อ เข้าไปบอกแม่บ้านว่างานสัปดาห์นี้ทำจนเสร็จหมดแล้ว ทำอะไรต่อดี แม่บ้านบอกให้เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนห้องเล็กข้างล่าง เพราะวันนี้ลูกสาวกลับแคลิฟอเนียแล้ว (ลูกสาวนอนห้องนี้ ...ปกติเป็นห้องนอนลูกชาย แต่ลูกชายจะนอนโซฟาหน้าทีวีเสียส่วนใหญ่) เก็บผ้าปูที่นอนปลอกหมอน เปลียนแล้วนำไปรอซัก อ้าว! ลืมไปว่ามีผ้าต้องพับอีก เยอะเลย พับผ้าจนเสร็จ เอาขึ้นไปเก็บ ปกติจะถามแม่บ้านก่อนว่าตัวไหนของใครบ้างเพราะยังจำไม่ได้ แต่วันนี้นักกายภาพมาเร็ว เลยเข้าไปให้พ่อบ้านเลือกเสื้อผ้าของเขาเอง ส่วนผ้าขนหนูเก็บเข้าตู้เรียบร้อย (ผ้าขนหนูมีซักทุกครั้ง เพราะทุกครั้งโอ้ทล้างห้องน้ำจะเก็บซักหมด บางวันแต่ละคนจะเก็บไว้หน้าเครื่องซักผ้าให้ด้วย)

หลังจากนั้นดูเครื่่องล้างจานว่ามีจานล้างแล้วยังไม่ได้เก็บ หรือว่าจานสกปรก วันนี้จานสกปรก เต็มพอที่จะล้าง จัดการวางจานชามสกปรกให้เต็ม แล้วเปิดเครื่อง ขณะนั้น บ่าย สองแล้ว เริ่มทำอาหารเลยดีกว่า วันนี้มีไก่ที่ต้องทำสุก ที่เหลืออุ่น เพราะแม่บ้านทำแช่แแข็งไว้แล้ว ระหว่างทำอาหาร รออาหารอุ่นบนกะทะ ก็รีบลงไปดูเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เอาผ้ากองต่อไปใส่ วันนี้ซัก สามกอง รวมชุดผ้าปูที่นอนด้วย

ปรากฎว่าทำเกินเวลาอีกจนได้ จากตอนแรกนึกว่าไม่มีอะไรทำ...ฮ่าฮ่า ขำตัวเอง ลืมผ้าที่ตากแล้วต้องพับไปได้ไง เมื่ออาหารเสร็จแล้ว ตักใส่จาน ปิดฝาวางไว้บนเคาน์เตอร์ในครัว พร้อมลงไปดูเครื่องซักผ้า เหลือปั่นอีกหนึ่งกอง แต่หมดเวลาแล้ว ขึ้นมาดูดฝุ่นทางเดินกับห้องโถงก่อนกลับ...

ตั้งใจจะไปซื้อกับข้าว แต่หิมะตกลงมา เปลี่ยนใจไม่ไปดีกว่า ค่อยไปพรุ่งนี้ แวะกู้ดวิลล์เอาอาหารแห้ง ที่ไม่กินแล้วไปบริจาค แล้วเข้าไปดูสักหน่อย ได้อะไรมา ดูซิ....ตัวละ 5 เหรียญ เอามาแจกให้ทางบ้าน น้องบ้าง พ่อแม่บ้าง แล้วแต่ว่าใครใส่ได้ เน้นเฉพาะลีวาย เลยเพราะซื้อที่ไทยตัวนึงหลายอยู่ ที่นี่รวมค่าส่งแล้วก็ยังพอได้





พรุ่งนี้ลดครึ่งราคา แต่ถ้ารอพรุ่งนี้คงไม่เหลือแล้ว ซื้อเลยดีกว่า

Thursday, January 27, 2011

แจ๋วแจ่มใส # 9

27 ม.ค 2554...วันนี้ไปทำงานช่ากว่าปกติ 2 ชั่วโมงเนื่องจากตักหิมะ แสนสาหัส ถ้าไม่ต้กก็ออกจากบ้านไม่ได้เพราะหน้าบ้านหิมะหนามาก...

โทรบอกแม่บ้านว่าจะไปถึงบ้านประมาณบ่ายสอง แล้วจะอยู่ให้ครบสามชั่วโมง แม่บ้านใจดีตอบมาว่าไม่จำเป็น ทำงานเสร็จก็พอแล้ว วันนี้พ่อบ้านไม่ไปทำงาน ซักผ้าไปบ้างแล้ว แจ๋วไปถึงทำต่อ มีผ้าต้องตาก และซักอีก หนึ่งกอง เก็บถังขยะในห้องทิ้ง แล้วใช้เวลาจัดถุงเท้าห้องลูกชาย (เสร็จห้องพ่อไปแล้ว) เก็บทำความสะอาดห้องลูกชายด้วย พอได้เวลาผ้าซักเสร็จ ตากพอดี จากนั้นขึ้นไปล้างห้องน้ำหนึ่งห้อง และดูดฝุ่นทางเดินกับห้องโถง  แม่บ้านมาบอกว่า ดูเหมือนงานจะเสร็จแล้วกลับได้ไม่ต้องรอให้ครบสามชั่วโมงเพราะโอ้ทอยู่เลยเวลามาหลายวันเหมือนกัน ไม่มีปัญหา ก่อนไป เช็ดเตา กับ เคาน์เตอร์ในครัว และเปิดเครื่องล้างจานทำงาน...

ปล.ไม่ได้เหนื่อยทำงานวันนี้ แต่เหนื่อยตักหิมะ กลับถึงบ้านไม่ต้องทำกับข้าว มิสเตอร์ทำพิซซ่าเสร็จพอดี

หิมะตกอีกแล้ว⛄️

27 ม.ค 54... เมื่อวานเพิ่งจะตักหิมะถนนไป กลางคืนตกอีกแล้ว ทุกอย่างปกคลุมขาวโพลง ดูหน้าต่างตอนดึกท่าทางจะสาหัสเพราะหน้าบ้านตรงทางออก ไปไม่ได้แล้ว มีก้อนหิมะก้อนโตๆๆ ขวางอยู่ นั่นหมายถึงพรุ่งนี้เช้า(เช้าวันนี้) งานหนักเลย...



EOS 60D


มิสเตอร์ไม่ไปทำงานเพราะหิมะเยอะ นึกว่าจะลงไปช่วยกันตักหิมะเสียอีก ที่ไหนได้ นอนกรนคร๊อกๆๆๆ สบายเชียว แจ๋วต้องไปทำงานนะซิ จัดการอาบน้ำแต่งตัวลงไปบรรเลงเองคนเดียว  แรกๆๆหนาว ใส่กางเกง เสื้อเหมือนอยู่นอร์ธดาโกต้าทีเดียว ตักไปสักพักไม่ไหว เหงื่อท่วมเลยร้อนๆๆ แต่ไม่ถอดเสื้อโค้ทคิดซะว่าาอบซาวน่า

ตักไป เหนื่อยก็พักถ่ายรูปไป กว่าจะเสร็จปาไป บ่ายโมงครึ่ง โทรไปบอกบ้านที่ไปทำงานรอบที่สองว่าจะไปถึงประมาณบ่ายสองเพราะเพิ่งตักหิมะเสร็จ ขอกินก่อนหมดแรง

วันนี้เหนื่อยๆๆๆๆๆ ตักหิมะที่สุด นี่ขนาดไม่มีพายุเหมือนปีที่แล้ว (ปีที่แล้วมิสเตอร์ตักคนเดียว เพราะมัวแต่ถ่ายรูป ปีนี้ลุยคนเดียว)



Kodak DX7630


มิสเตอร์ตื่นมาถามว่า :โกรธเหรอเห็นหน้ามุ้ย 
โอ้ท :ไม่ได้โกรธแต่เหนื่อยตะหาก

 มิสเตอร์ถามอีกว่า:ไปทำอะไรมา 
โอ้ท: อ้าว ก็ตักหิมะมานะซิ...

มิสเตอร์ขำ บอกว่านึกว่าไปทำงานแล้ว
โอ้ท:จะไปยังไงล่ะ ออกจากบ้านไม่ได้..






เปิดประตูหน้าบ้านตกใจเลยเพราะเป็นแบบนี้ ยอดกิ่งต้นสน หนักจนโน้มลงมา






เปิดประตูโรงรถเจอยอดไม้โน้มลงมาเหมือนกัน


จับมังกี้ออกไปเหยียบหิมะ นึกว่าจะวิ่งแจ้นเข้าบ้านเหมือนวันแรกๆๆที่เหยียบหิมะ แต่ไม่วิ่ง กลับย่องๆๆ สำรวจ




ภาพนี้ถ่ายจากหน้าต่าง บ้านตรงข้ามจ้างคนตักหิมะ (มีรถ) หิมะตกจะมีอาชีพนี้ บางคนไม่มีรถแบบนี้ ก็ใช้ที่ตักมือ

Wednesday, January 26, 2011

หิมะตกอีกแล้ว เฮ้อ!⛄️

26 ม.ค 54...วันนี้ตื่นมาเปิดหน้าต่างแล้วตกใจขาวโพลงเลย หนาด้วย หิมะตกตั้งแต่เมื่อคืนและกำลังตกอยู่เยอะด้วย เห็นหิมะเป็นชิ้นโตๆๆเชียว ว้าๆๆๆ มีเรียนภาษาอังกฤษตอน 10.45 เช้านี้





ภาพจากกล้อง EOS 60D






มิสเตอร์โทรเช็คที่ทำงานว่าปิดหรือเปล่า แล้วหันมาบอกว่าทุกตึกเปิดทำการ ไม่มีปัญหา แล้วออกไปกวาดหิมะออกจากรถ โอ้ทนั่งดู ถ่ายรูปด้วยอยู่ในบ้าน แล้วมีก้อนหิมะลอยมา (ไม่ทันมองมัวแต่ส่องกล้อง) แหม! มิสเตอร์มีอารมณ์เล่นหิมะวันนี้ จับภาพได้ตอนไหนไม่รู้เลยเนี่ย มาเห็นตอนโหลดลงคอมฯ







ภาพจากกล้อง SX20 IS


 

 
 

 
เช้านี้คงไม่ได้ถ่ายรูปตอนหิมะตกแน่ๆๆ (คิดในใจ) แล้วคิดไปถึงว่าถ้าครูยกเลิกคงโทรมาบอก และแล้วโทรศัพท์ก็ดัง ยกเลิกจริงๆๆ  มีเวลาถ่ายรูปเหลือเฟือเลย แต่หนาวๆๆๆๆ 









 
ตอนเที่ยงไปทำงานปกติ...


ปล. กลางคืนหิมะตกอีกแล้ว เยอะด้วยซิ มิสเตอร์บอกว่าตกมาเป็นน้ำแข็งเลย อากาศเย็นมาก พรุ่งนี้เช้าคงจะเละอีก ที่สำคัญไม่น่ากวาดทางเดินหน้าบ้านเลย เพราะตอนนี้หิมะเต็มอีกแล้ว<


แจ๋วแจ่มใส # 8

26 ม.ค 2554...วันนี้ไปทำงานสายนิดหน่อย แต่คุยกับเจ้าของบ้านไว้แล้วเนื่องจากหิมะตก ขับรถช้ามาก ไม่เกิน 20ไมล์ กลัวรถหมุน กลัวเบรคไม่อยู่ ในหมู่บ้านมีหิมะบนถนนอยู่ปริมาณหนึ่งเพราะรถที่กวาด กวาดไม่หมด แต่ถนนใหญ่ขับสบายกว่าเนื่องจากหิมะละลายเป็นน้ำแล้ว

วันนี้เริ่มหน้าที่แจ๋วด้วยถูพื้นไม้ด้วยน้ำยาเคลือบเงาไม้ 4 ห้อง เก็บผ้าซักหย่อนช่อง แต่วันนี้ผ้ามีไม่มาก ยังไม่ซัก เก็บผ้าที่ตากไว้เมื่อวานพับเรียบร้อย  จัดลิ้นชักถุงเท้าต่ออีก พ่อบ้านมีถุงเท้าเยอะมากๆๆ วันก่อนจัดไปแล้วสองลิ้นชักใหญ่ วันนี้อีกเท่ากันเลย อ่อ ลืมเล่าว่าโอ้ทแยกสีถุงเท้าไว้ด้วยกัน ขาว ดำ น้ำตาล

เมื่อจัดเก็บถุงเท้าเรียบร้อยแล้วก็เช็ดเฟอร์นิเจอร์ไม้ตามห้องต่างๆ ด้วยน้ายาเคลือบเงา น้ำยาที่ใช้กลิ่นมะนาว ฉีดแล้วหอมไม่เป็นอันตรายต่อทางเดินหายใจ วันนี้ไม่ต้องทำอาหาร พ่อบ้านกลับบ้านเร็วเลยได้เจอกันครั้งแรก  พ่อบ้านเข้ามาจะจับมือ (เช็คแฮนด์)ทักทาย แต่แจ๋วใส่ถุงมือยางอยู่ เลยไม่จับ แค่กำปั้นแตะ (พ่อบ้านทำก็ทำตาม) พ่อบ้านบอกว่าทำงานเรียบร้อยมาก จนเขากลัวที่จะหยิบของ...ปลื้มๆๆๆๆ

หมดเวลาของแจ๋วแล้ว ดูดฝุ่นทางเดิน และห้องโถงก่อนกลับ

Tuesday, January 25, 2011

เรียนภาษาอังกฤษ ฟรี #1


25 มกราคม 2554

เมื่อมาอยู่ในที่พูดคนละภาษา ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นที่นี่ ไมเก่ง ทำยังไงล่ะ จะรอให้คนที่นี่พูดภาษาเรา โอ้ย ฝันไปซิ ...ต้องไปเรียน ได้เจอคนใหม่ๆๆ ฝึกพูด เรียนรู้สิ่งใหม่ๆๆ แล้วเรียนที่ไหนดีล่ะ ...

แหล่งแรกเลย คืออินเตอร์เนต หาดูซิว่าในเมืองที่อยู่เนี่ยมีที่ไหนบ้าง แล้วจัดแจงเลือกที่ใกล้ๆๆ แต่ว่าไม่มีเลยแฮะ งั้นทำไงๆๆๆ...

แหล่งที่สองจากคำแนะนำของเพื่อน คือห้องสมุด โชคดีที่ห้องสมุดอยู่ใกล้เดินจากบ้าน 30 นาที

ได้แล้วมีใบปลิว ที่สอนภาษาฟรีหลายที่เชียว แต่ปัญหาคือต้องไปเรียนที่เดินไปได้ก่อน เพราะยังไม่มีใบขับขี่ เลือกได้หนึ่งที่คือโบสถ์อยู่ในถนนเมน (Main street) เมื่อได้ที่เรียนแล้ว ไม่รีรอ โทรสอบถามวันเปิดเรียน และดูเส้นทาง(เส้นทางรู้แล้ว ดูว่าโบสถ์ไหน เพราะบนถนนเมนมีโบสถ์อยู่สองที่) เมื่อได้ข้อมูลครบ ถึงวันเปิดเรียนออกจากบ้าน เผื่่อเวลาเดิน 40 นาที (วันแรกๆๆ รู้สึกว่าไกลมาก แต่ปัจจุบันชินแล้ว เคยเดินไปรูัสึกว่าแป้บเดียว)

ที่โบสถ์ที่โอ้ทเริ่มเรียน แยกกลุ่มนักเรียนเป็นสองระดับ โอ้ทเลือกเรียนระดับต้น เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าเรียนระดับสูงกว่าจะรู้เรื่อง เริ่มต้นเลยดีกว่า ฟังรู้แต่พูดออกเสียงยังไม่ได้ดี ครูที่รับลงทะเบียนบอกไว้ว่าถ้าเรียนแล้วรู้สึกว่าช้าไปให้บอกจะย้ายห้องให้ แต่โอ้ทเรียนห้องเดิมจนกระทั่งเลิกเรี่ยน

 เริ่มเรียนตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2551(2008) (หลังจากหาที่เรียนประมาณสองสัปดาห์) จนกระทั่งเดือน พฤศจิกายน เริ่มหนาว มีฝนด้วย เริ่มด้วยเดินไปเรียน พออากาศเริ่มเย็น ไม่ไหว ขึ้นรถเมล์ไป (ขี้นรถเมล์วันแรกอ่านที่นี่)  วันนั้นยืนรอรถเมล์อยู่ รู้สึกว่านานมาก หนาวก็หนาว ฝนก็ลงปรอยๆๆ แล้วลมพัดอีก ไม่ได้ใส่ถุงมือด้วย ยืนสั่นแล้วมือก็แข็งๆๆๆ ทำไมรถไม่มาสักทีน่ะ สุดท้ายตัดสินใจเดินกลับบ้าน และจากวันนั้นตลอดฤดูหนาวไม่ออกจากบ้านเลยถ้าไม่จำเป็น ตอนนั้นยังไม่ต้องไปจ่ายตลาดเองเพราะใบขับขี่ยังไม่มี มิสเตอร์จะพาไปเสาร์-อาทิตย์

การเรียนที่โบสถ์ในห้องที่โอ้ทเรียน มีนักเรียนหลายคน เข้าๆ ออกๆ ตลอดเวลา บางวันมาร่วม 20 คน แต่ไม่เคยต่ำกว่า 10 คนเลยในแต่ละวัน คนที่มาเรียนแต่ละคนจากหลากหลายประเทศ ฉะนั้นสำเนียงฟังกัน แล้วต้องแปลกันอีกที นับถือครูจริงๆๆที่เข้าใจคนเรียนทุกคน

 คนที่มาเรียน บางคนพูดได้ แต่อ่านไม่ได้ บางคนฟังเข้าใจแต่ตอบเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ และบางคนไม่รู้เลย ครูจะแยกคนที่ไม่รู้ไปสอนส่วนตัวให้กระทั่งพอเข้าใจบ้าง จึงให้มาเรียนร่วมกับเพื่อนๆ  ครูจะเตรียมชีทมาให้ทุกครั้งที่เรียน เป็นเรื่องราวชีวิตประจำวัน เรื่องราวจากหนังสือพิมพ์ และเรื่องราว ประวัติเทศกาลต่างๆๆ ที่ใกล้จะถึง ณ ขณะนั้น ทุกคนจะอ่านวนกันไปรอบโต๊ะ อ่านคนละไม่กี่ประโยค เพราะนักเรียนเยอะอย่างที่บอกนะแหละ

ที่โบสถ์จะมีการเรียนสัปดาห์ละวัน เวลา 2 ชั่วโมง แล้วมีกิจกรรมนอกสถานที่อีกหนึ่งวัน โอ้ทไปร่วมกิจกรรมไม่เคยขาดในช่วงแรกๆ มิสเตอร์ทำงานพาไปไม่ได้ก็อาศัยไปกับกลุ่มที่โบสถ์ ได้เห็นสถานที่ต่างๆบ้าง ในขณะนั้น

 ไปร้านอาหารบ้าง พิพิธภัณฑ์ ตลาด สถานที่น่าสนใจ แล้วแต่นักเรียนจะนำเสนอ ณ ขณะนั้นมีเพื่อนคนญี่ปุ่นคนหนึ่งเป็นผู้คอยหาสถานที่น่าสนใจ และเป็นสาระถีพาเพื่อนๆ ไป ฉะนั้นใครที่ไม่มีรถก็ไม่มีปัญหา จุดนัดพบคือลานจอดรถที่โบสถ์นั่นเอง

ตั้งแต่เพื่อนคนญี่ปุ่นกลับไปแล้วตั้งแต่ต้นปลายปี 2552(2009) จนทุกวันนี้ยังหาคนทำหน้าที่แทนไม่ได้ โอ้ทไม่ได้ไปเรียนที่โบสถ์แล้ว แต่ไปร่วมกิจกรรมที่โอ้ทสนใจอยู่เสมอ

อ่อ ลืมเล่าว่าครูที่สอนทุกคน เป็นอาสาสมัคร ไม่มีเงินเดือน ไม่มีค่าจ้าง แต่สอนด้วยใจรัก

แจ๋วแจ่มใส # 7

25 ม.ค 2554...วันนี้เริ่มหน้าที่แจ๋วด้วยสำรวจตะกร้าผ้าแต่ละห้องเอาไปหย่อนช่อง แม่บ้านให้เปลียนผ้าปูที่นอนของเขา เพิ่งจะเห็นว่าปลอกหมอนใส่ใบนึงซ้อนปลอก สองใบ สงสัยแต่ไม่ถาม นึกเองว่าคงเหมือนที่นอน มีผ้ารัดมุมแล้วปูผ้าผืนทับอีกที ปลอกหมอนก็คงจะเหมือนกัน  มีปลอกในก่อนแล้วใส่ทับอีกใบ เมื่อเสร็จจากที่นอน จัดแจงลงไปซัก จับผ้าแยกสี เริ่มด้วยชุดผ้าปูที่นอนก่อนเลย  และหันไปเก็บผ้าที่ผึ่งไว้เมื่อวานพับเรียบร้อย ส่วนใหญ่เป็นผ้าเช็ดตัว กับผ้าขนหนูผืนเล็ก เอาเก็บใส่ตู้เรียบร้อย ส่วนเสื้อผ้าอื่นๆๆที่ไม่รู้วางไว้บนโต๊ะด้านล่าง เก็บไว้ใส่ตะกร้ารวมหลายๆชิ้น เอาขึ้นไปถามแม่บ้าน แล้วแยกให้แต่ละห้องอีกครั้ง

จากนั้นขึ้นข้างบนดูดฝุ่นทางเดินก่อน ตามด้วยห้องครัว กับห้องกินข้าว ดูดฝุ่น และถูพื้นด้วยน้ำผสมน้ำยา ทำเสร็จเครื่องซักผ้าเสร็จพอดี ลงไปจัดการเอาเข้าเครื่องปั่น แล้วใส่ผ้ากองที่สอง วันนี้มีสามกอง กลับขึ้นมา ทำห้องคอมพิวเตอร์ต่ออีกห้อง เรียบร้อยทุกห้องแล้ว วันนี้ไม่ต้องทำอาหาร มีเวลาเหลือ ระหว่างรอผ้าที่ปั่นอยู่ และกองสุดท้าย เข้าไปจัดลิ้นชักใส่ของในห้องแม่บ้านต่ออีก และคุยกับแม่บ้านไปด้วยระหว่างนั้น จนกระทั่งผ้าปั่นเสร็จ จัดการพับเก็บ เหลือแต่ผ้าซักอีกกอง แม่บ้านใจดีบอกไม่ต้องรอ เพราะได้เวลากลับแล้ว เดี๋ยวให้ลูกจัดการต่อ...

ขากลับแวะเคมาร์ท ซื้อนมให้มิสเตอร์ เดินดูเสื้อ รองเท้า แต่ไม่ซื้อ หันมาซื้อกระถางใส่ต้นไม้ 1 ใบ และไม่ลืมนมมิสเตอร์ด้วย ถึงบ้านเหนื่อยนิดหน่อย งีบหลับนิดนึง แล้วทำหน้าที่แจ๋วที่บ้านต่อ...






Monday, January 24, 2011

แจ๋ว แจ่มใส # 6

24 ม.ค 54... วันนี้เป็นวันแรกเริ่มทำงานทุกวัน มีผ้าซักเยอะเชียว ผ้าที่ตากไว้แต่คราวก่อนต้องพับก็เยอะ  เริ่มด้วยดูตะกร้าผ้าซักทุกห้อง เอาหย่อนช่องลงไปหน้าเครื่องซักผ้า ห้องใต้ดิน แล้วเก็บถังขยะแต่ละห้องมาเทใส่ถังใหญ่  จากนั้น ลงไปจัดการแยกผ้าสี ผ้าขาวเผื่อเตรียมซัก ปรากฎว่าเครื่องซักผ้า และเครื่องปั่นผ้ากำลังใช้งาน แสดงว่าสมาชิกของบ้านช่วยเอาผ้าซักให้บ้างแล้ว หน้าเครื่องปั่นผ้ามีตะกร้าใส่ผ้าที่ปั่นไว้วางอยู่ โอ้ทจัดการเก็บผ้าที่ราวมาพับ แล้วเลือกผ้าแห้งในตะกร้าพับ และผ้าชื้นตากบนราว

จากนั้นถืออุปกรณ์ทำความสะอาด ถังน้ำผสมน้ำยาถูพื้น ไม้ถู อ่างใส่ผง พร้อมผ้าล้างห้องน้ำ ขึ้นข้างบน ลงมือจัดการห้องแรก ห้องที่สอง และดูดฝุ่นทางเดิน กับห้องโถง  ในขณะที่ทำความสะอาดห้อง จะเดินลงไปดูเสื้อผ้าด้านล่างเป็นระยะด้วย เมื่อซักเสร็จ ใส่เครื่องปั่น และใส่ผ้าล๊อตใหม่ซักต่อ  เก็บจานที่ล้างในเครื่องล้างเข้าที่ พร้อมกับจัดการจานชามที่สกปรกบนเค้าน์เตอร์ใส่เครื่องล้าง เช็ดเคาน์เตอร์ด้วยน้ำยาอเนกประสงค์

วันนี้ต้องทำอาหารด้วย ฉะนั้นจะทำความสะอาดได้ถึงบ่ายสองหรือสองกว่าๆๆ เผื่อเวลาทำอาหารด้วย อาหารวันนี้ทำไม่ยาก เพราะแม่บ้านบอกว่ามีอาหารที่ทำเผือไว้อยู่เยอะ โอ้ททอดปลาอย่างเดียว ทอดง่ายๆๆ ไม่ใส่น้ำมัน ใช้น้ำมันเปรย์ฉีดกระทะ แล้วใส่เนื้อผ้าทอดให้สุก พอแล้ว เสร็จเรียบร้อย ลงไปดูเครื้่องปั่นผ้าล๊อตสุดท้าย ไม่ต้องรอให้แห้ง เปิดเอาผ้าออกผึ่งไว้  เรื่องผ้าโอ้ทมีปัญหาเดียวคือไม่รู้ว่าตัวไหนเป็นของใคร  โอ้ทพับผ้าทั้งหมดใส่ตะกร้ายกไปให้แม่บ้าน ลูกสาวจะช่วยแยกให้อีกที โอ้ทเอาผ้าเช็ดตัว ผ้าขนหนูใส่ตู้ เอาขยะไปทิ้ง เรียบร้อยแล้ว ประมาณสามโมงกว่าๆๆ พรุ่งนี้ค่อยไปทำต่อ

พอทำคนเดียวจริงๆๆ ก็ทำไม่หมดทุกห้องจริงๆๆ แม่บ้านใจดีมาก คอยถามตลอดว่าเป็นยังไง ถ้าทำไม่เสร็จค่อยมาทำต่อวันต่อไปได้ ไม่ต้องกังวล...



กลับถึงบ้านแล้ว หนาวๆๆๆๆ

แจ๋ว แจ่มใส #5

งานประจำที่ทำทุกครั้งคือดูดฝุ่น แต่ไม่เสร็จทุกห้อง ที่ทำทุกครั้งคือทางเดินกับห้องโถง ส่วนห้องอื่นๆๆ สลับทำ วันนี้สองห้อง วันต่อไปทำห้องต่อไปอีกสองห้อง หรือสามห้อง แล้วแต่ว่ามีเวลามากน้อยในวันนั้นๆ  วันไหนไม่ต้องทำอาหารก็มีเวลาทำห้องมากหน่อย (ช่วงนี้แม่บ้านยังช่วยทำด้วยกันเวลาจะเหลือมาก)

ตามชั้นวางของ ตู้เก็บของในห้องน้ำ ในครัวจัดเก็บเป็นระเบียบตั้งแต่วันแรกๆๆที่เริ่มทำ วันต่อๆๆมา แค่คอยดู วางของให้เข้าที่

ใกล้จะถึงวันที่แม่บ้านต้องผ่าตัดทุกทีแล้ว โอ้ทบอกแม่บ้านเรื่องทำอาหารที่หนักใจ เพราะทำก็ไม่เก่ง แถมยังต้องควบคุมเครื่องปรุงรสด้วยเพราะแม่บ้านหลังผ่าตัดจะกินอาหารที่มีรสไม่ได้ มีผลกระทบต่อกระเพาะ ส่วนพ่อบ้านต้องควบคุมความเค็ม  แม่บ้านใจดีมากหาวิธีให้ง่ายๆๆ โดยการทำอาหารไว้ล่วงหน้า แช่แข็ง แล้วจัดเป็นถุงๆๆ แต่ละวันจะหยิบมาหนึ่งถุง แม่บ้านเขียนไว้ที่ถุงให้ด้วยว่ามีอะไรบ้าง ต้องทำอะไรบ้าง ถ้าเป็นอาหารแช่แข็งโอ้ทก็อุ่น ถ้ามีเนื้อสัตว์ดิบ โอ้ทก็ทำสุก แต่ทำแบบง่ายๆๆไม่ต้องปรุงอะไรเลย แบบนี้ค่อยหายกังวลหน่อย

ระหว่างที่แม่บ้านเพิ่งออกจาก รพ.สัปดาห์แรก ลูกสาวมาอยู่ด้วย ลูกสาวน่ารัก เป็นคุณหมอแต่อยู่แคลิฟอเนีย เข้ามากอดโอ้ทขอบคุณที่ช่วยแม่เขาดูแล ทำความสะอาดบ้านให้สะอาดเรียบร้อย

สรุปว่าทุกคนในบ้านปลื้มกับผลงานที่โอ้ททำ โอ้ทก็พลอยดีใจด้วย โดยเฉพาะการจัดระเบียบตู้เสื้อผ้า ของต่างๆๆ ในตู้ในลิ้นชัก เมื่อมีเวลาเหลือจากทำความสะอาดแล้วโอ้ทจะเปิดลิ้นชักดูว่ามีอะไร แล้วจัดเก็บ ล่าสุดจัดลิ้นชักถุงเท้ากับชุดชั้นใน ของแม่บ้าน กับ พ่อบ้าน (ไม่รังเกียจเพราะทุกชิ้นสะอาด แล้วเป็นงานที่เราเลือกทำ) 

หลังจากแม่บ้านกลับจากผ่าตัดแล้ว ต้องทำทุกวัน โอ้ทมองว่างานไม่ค่อยมีทำทุกวัน แล้วจะทำอะไร ถามเพื่อความมั่นใจ แม่บ้าน และลูกสาวบอกว่าให้มาทุกวัน จะได้คอยช่วยหยิบจับ ของให้แม่ด้วย เพราะแม่ยังเดินไม่สะดวก แล้วเรื่องจัดของคงหาได้ไม่มีปัญหา...

ติดตามตอนต่อไปจ้า






ภาพนี้ถ่ายที่บ้าน เมื่อ 15 มกราคม 2554

Wednesday, January 19, 2011

แจ๋วแจ่มใส บ้านแจ๋วเอง (บ้านมิสเตอร์ต่างหาก)

วันเสาร์ที่ 15 ม.ค 2554... เป็นปกติของวันหยุด ทั้งมิสเตอร์ทั้งแจ๋วกว่าจะลุกจากเตียงก็ปาไปครึ่งวันแล้ว  จัดการตัวเองเรียบร้อย เก็บที่นอน ลงมาข้างล่าง ถามไถ่มิสเตอร์ว่าวันนี้จะทำอะไร เป็นปกติทุกเสาร์-อาทิตย์ ถามกันทุกครั้ง กิจวัตรประจำวันเสาร์ของโอ้ทคือไปปั้น มิสเตอร์อยู่บ้านดูทีวีหรือทำอะไรเล็กๆๆน้อย (โอ้ทให้ทำเก้าอี้สวนให้ตั้งแต่ก่อนสิ้นปีที่แล้วยังไม่สำเร็จ ค่อยๆๆทำ ไม่รู้จะได้ใช้หรือเปล่า) เมื่อได้ความว่าจะทำอะไร มิสเตอร์ขึ้นบ้านอาบน้ำ แจ๋วเข้าครัว วันนี้ทำไข่เจียวเบค่อน (แต่ละวันแล้วแต่จะคิดได้ แล้วแต่ว่ามีอะไรในตู้เย็น)


ผ้ากันเปื้อนตัวนี้ถูกใจมาก น่ารักเหมาะกับแจ๋วเลยเน่อะ..อิอิ ได้ของขวัญคริสมาสต์มาจากแม่ย่า แม่ย่าไม่ได้ทำเองหรอกจ่ะ ซื้อมา มีผ้าจับของร้อนเข้าชุดมาด้วย วางโปรเจคเย็บผ้ากันเปื้อนใหม่ข้ามปีแล้วไม่ได้เริ่มทำสักที ได้ผืนนี้มา ได้แบบอีกด้วย

มาลงมือทำไข่เจียวเบคอนกันเลยดีกว่าจ่ะ หิวๆๆๆ เบคอนแข็งโป๊ก ไม่ได้เอาออกมาวางให้ละลาย ใส่กระทะ  (จะใส่ไมโครเวฟก็ได้ แต่ใส่กระทะดีกว่า) ขณะรอเบคอนสุก แจ๋วเก็บภาพไปพลางๆๆ ไม่ปล่อยเวลาเลยแม้แต่น้อย..อิอิ





เบคอนอยู่ในกระทะบนเตา หันมาตีไข่






ขาดไม่ได้เลยทีเดียวเชียว สองขวดนี้ แต่อย่าใส่เยอะเชียวเค็มปี๋ๆๆๆๆ...เครื่องปรุงส่วนมากแจ๋วใช้ของไทยจ้า นอกจากหาไม่ได้ จะเลือกๆๆๆ ที่เคยกินจากไทย อะไรที่ไม่เคยกิน ยี่ห้อไม่รู้จัก แจ๋วไม่ซื้อจ้า กลัวจู้ดๆๆๆๆ




เมื่อเบคอนสุกได้ทีตักใส่จานพักไว้ แล้วตั้งกระทะเจียวไข่เลยจ้า ไข่เริ่มจับตัวใส่เบคอนลงไปด้านเดียว แล้วพับไข่อีกด้านประกบ จากนั้น พลิกไข่กลับให้สุกทั้งสองด้าน 
พร้อมเสริฟ อย่าลืมซอสมะเขือเทศน่ะจ่ะ..หย่อยๆๆๆ







จานนี้ของแจ๋วเองจ้า ของมิสเตอร์ไม่ทันเก็บภาพเพราะมิสเตอร์รออยู่รีบเสริฟ


Wednesday, January 12, 2011

แจ๋ว แจ่มใส # 4

มาเล่าเรื่องของแจ๋ว แจ่มใสกันต่อ ไม่ระบุวันก็แล้วกัน เพราะไม่ได้เล่าต่อเนื่อง แจ๋วลืม...ความจำแจ๋วเสื่อมซะด้วย

เมื่อรู้แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง อุปกรณ์ น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ อยู่ตรงไหน (แต่ยังจำไม่ได้) แต่ละวันจะทำหมุนเวียนแต่ละห้อง แต่ละจุด ห้องนอน ห้องน้ำ ทำแล้ว วันต่อไปทำห้องครัว ห้องใต้ดิน(เป็นห้องพักอีกห้อง)  แต่ที่ทำทุกวัน(ทำเองเพราะเป็นจุดเด่นๆๆ ของบ้าน) คือดูดฝุ่นห้องโถง และทางเดิน

บ้านนี้ทุกคนมีห้องเป็นของตัวเอง แต่ละห้องมีตู้เสื้อผ้า ซึ่งเสื้อผ้าจะเยอะมาก แต่ไม่ได้พับเก็บไว้ให้หยิบง่าย ๆ โอ้ทจัดแจงจัดตู้เสื้อผ้า  ของแต่ละห้อง แต่ละคน จนหมด แต่ว่าไม่ได้ทำเสร็จภายในวันเดียว เพราะหนึ่งตู้ใช้เวลา หนึ่งวัน(ที่ไปทำงาน) ต้องพับใหม่ และจัดใส่ชั้นให้ดูเรียบร้อย และหยิบใช้ง่าย   ตู้ของแม่บ้านทำไม่ยาก แต่ต้องยืนบนเก้าอี้ พับไป เรียงไป ตู้ของลูกชายเสื้อผ้าไม่มาก ทำไม่ยากเหมือนกัน โอ้ทจะบอกให้แม่บ้านหากล่องมาใส่ของบางอย่างเป็นพวกไป เช่นถุงเท้า กางเกงชั้นใน หรือพวกกระเป๋า หมวก เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้ เห็นง่ายด้วย เพราะไม่ปะปนกับของอย่างอื่น  แม่บ้านน่ารักมาก เพราะวันทำงานถัดไป จัดเตรียมกล่องไว้ให้ตามขอ ... จัดตู้ใส่ผ้าขนหนู ผ้าปูที่นอนเรียบร้อย (ใช้เวลา สอง- สามวัน ไม่ได้ทำวันเดียวเสร็จนะจ่ะ)

และมาถึงจัดตู้เสื้อผ้าที่เยอะที่สุดคือของพ่อบ้าน ตู้นี้แม่บ้านมาช่วยพับ ด้วยกัน และช่วยจัดเสื้อผ้าวางบนชั้นให้ด้วย เพราะวางซ้อนกันสูงถึงเพดาน เสื้อผ้าเยอะจริงๆๆ  โอ้ทยืนบนเก้าอี้สูงแล้วก็ยังไม่ถึง ขนาดแม่บ้านเองยังสุดเอื้อมเลย เพราะต้องซ้อนสูงขึ้นไปสุด เนื่องจากไม่มีพื้นที่ให้วางแล้วจริงๆๆ แต่ผลงานเป็นที่พอใจเพราะเมื่อพ่อบ้านกลับมาเห็น บอกว่าไม่อยากที่จะหยิบเสื้อผ้ามาใช้เพราะจะวางเข้าที่ได้ไม่เหมือนเดิม  แถมบอกด้วยว่า เหมือนชั้นเสื้อผ้าที่เมซี่เลย...คนทำปลื้มค่ะ

(แรกๆๆ พ่อบ้านบอกว่าไม่ให้จัดตู้เสื้อผ้าของเขาเพราะเขารู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเขาเห็นตู้เสื้อผ้าของแม่บ้านเรียบร้อย เลยยอมให้จัดตู้ของเขาบ้าง)

การทำงานแม่บ้าน แต่ละบ้าน แต่ละคน ขึ้นอยู่กับการตกลง โดยปกติจะเน้นทำความสะอาด แต่บ้านนี้โอ้ทสำรวจทุกจุด เห็นแล้วอดทำไม่ได้ อีกอย่างแม่บ้านใจดี ไม่จุกจิก ทำแล้วสบายใจ โอ้ทเห็นว่าอะไรไม่เรียบร้อยจะถามเขาก่อนว่าจะให้ทำไหม


วันนี้จัดตู้เสื้อผ้าแล้ว ต่อไปทำอะไร ติดตามนะจ่ะ
ภาพนี้เมื่อ ฤดูใบไม้ร่วง ปี 2553

หลังวันหิมะตก

วันนี้ 11 ม.ค 54 ..12 ม.ค 54... ตกอีกแล้วเมื่อคืนนี้ หิมะนะซิ ตกหนาด้วย ปีนี้ไม่มีพายุเหมือนปีที่แล้ว ค่อยดีหน่อย แต่เยอะสำหรับโอ้ทอยู่ดีแหละ เช้านี้ได้เหนื่อยเลย ต้องตักหิมะบนทางเท้า








หลังจากมิสเตอร์ไปทำงาน จัดการอาบน้ำแต่งตัวให้แน่นหนา ประหนึ่งว่าอยู่นอร์ธดาโกต้าก็ว่าได้เพียงแต่ไม่ใส่เสื้อโค้ทยาวถึงตาตุ่มเท่านั้นเอง เพราะยังหนาวไม่เท่าที่นอร์ธดาโกต้า แต่ใส่หนาไว้ก่อนเพราะไอเย็นของหิมะทำให้อากาศเย็นกว่าตอนไม่มีหิมะ ปกติอยู่ที่นี่ใส่ชุดข้างในไม่ต้องหนามากนักก็พอทนได้ แต่วันนี้ หิมะเยอะ ใส่ไม่หนา มีหวังขาชา ปวด และแข็ง เสร็จแล้วออกไปทำคลิปวิดิโอให้ทางบ้านที่ไทยดูกัน และถ่ายรูปตามปกติ ถึงจะไม่ชอบ แต่หิมะตกทีไรก็อดตื่นเต้นไม่ได้ อย่างที่พูดในวิดิโอนั่นแหละ สวยดี ทั้งหนาว และเหนื่อยด้วย












อยู่เมืองหิมะตกเป็นแบบนี้ล่ะ แต่ละบ้านรับผิดชอบบ้านใครบ้านมัน เมืองไหนมีรถมากวาดถนนในหมู่บ้านให้ก็ดีไป (หมู่บ้านที่โอ้ทอยู่มี) แต่ถ้าไม่มีก็กวาดๆๆๆ กันหมดแรง มือแข็งขาแข็งกันไปเลย ครูสอนภาษาอังกฤษบอกว่าเมืองที่ครูอยู่มีแต่ต้องเสียเงิน หมู่บ้านที่โอ้ทอยู่นี่ไม่รู้ว่าเสียกันไปแล้ว หรือว่าเป็นบริการของเมือง โชคดีไป เมื่อกวาดกันไปแล้วจะใช้เกลือเม็ดโตๆๆ โรยบนพื้นให้หิมะละลายเร็วขึ้น (ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าใช่)










จะออกไปไหนแต่ละที กว่าจะได้ออก ต้องกวาดหิมะที่คลุมทั่วรถ แล้วต้องขูดน้ำแข็งที่เกาะบนกระจกอีก กว่าจะได้ไป ทั้งหนาว ทั้งเหนื่อย นี่ละถึงได้ไม่ชอบเลยจริงๆๆ แต่ก็ยังตื่นเต้นทุกครั้ง













Thursday, January 6, 2011

นอร์ธดาโกต้า 22-26 ธ.ค 53


ปีนี้กำหนดการเดินทางไปนอร์ธดาโกต้า 22-26 ธ.ค 53 ออกเดินทางเช้าวันที่  22 และ ถึงนอร์ธดาโกต้า คืนนั้น สี่ทุ่ม แต่...



ทุกปีการเดินทางมีอุปสรรค ตั้งแต่ตรวจกระเป๋าตอนเช็คอินที่สนามบิน โอ้ทจะลืมขวดน้ำ และถูกตรวจยาในเป้ ตลอดเลย แต่ปีนี้ทุกอย่างราบรื่น ดีใจจัง การเดินทางครั้งนี้ต้องรื่นตลอดแน่ๆๆ...การเดินทางเริ่มแล้ว จากสนามบินฟิลาเดลเฟีย ถึงมินิอโปลิส มินิโซต้า ตามกำหนดการณ์ เวลาขณะนั้น 13.30 น.  มุ่งหน้าไปประตูที่ต้องต่อเครื่อง 16.00 ติดต่อเค้าน์เตอร์เพราะเรายังไม่ได้ระบุที่นั่งในตั๋ว เจ้าหน้าที่แจ้งให้รอเพราะกำลังจัดการที่นั่งผู้โดยสายอยู่..รอ ร้อ รอๆๆๆๆ จนใกล้จะถึงเวลาขี้นเครื่องแล้ว เข้าไปถามอีก ...นี่ล่ะปัญหาเริ่มแล้ว ที่นั่งเราสองคนไม่มีแล้วอะ เป็นไปได้ยังไงเนี่ย!  เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เครื่องบินน้ำหนักเกิน เพราะเติมน้ำมันเข้าไป ทำให้ต้องอาสาผู้โดยสารเปลี่ยนเที่ยวบิน และเอาผู้โดยสารออก แจ๊คพอตเลย เราสองคน แล้วเที่ยวต่อไปคือพรุ่งนี้บ่ายสอง.. มิสเตอร์หงุดหงิดมากๆๆๆ  ไม่ละ จะไปวันนี้ สรุปว่า มีทางเลือก สองทาง คืนนี้ เราเลือกสนามบินที่ใกล้เคียงกับปลายทาง เครื่องออกสี่ทุ่ม สองคนติดแหงกอยู่สนามบินค่อนวัน เบื่อๆๆๆๆ มากกกกกกกกกกกก... สายการบินให้คูปองลดค่าตั๋วมาใช้ปีหน้า 600 ดอลล่าร์



หลังจากนั้น เราต้องเปลี่ยนสถานที่รับรถเช่าเพราะไม่ได้ลงสนามบินตามแผนเดิม ต้องใช้อินเตอร์เนต ถึงได้เห็นพ้องกันว่าต้องซื้อแลปทอปแล้ว เพราะหาอินเตอร์เนตยากมากๆๆ พอมีแต่น้อยเนื่องจากคนส่วนมากมีแลปทอปส่วนตัว  ทำการเปลี่ยนที่รับรถ และที่ส่งคืน ต่างสนามบินถูกคิดเพิ่มเล็กน้อย (มิสเตอร์บอกเล็กน้อย)  มิสเตอร์โทรบอกแม่ให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมกับให้แม่ถามโรงแรมที่เราจะไปพักว่าจะขอกุญแจไว้ได้ไหม เพราะไม่อยากรบกวนตอนดึก (เราไปถึงโรงแรมเกือบตีสอง เพราะจากสนามบินขับรถไปอีกสามชั่วโมง) ทางโรงแรมไม่ฝากแต่ใส่ซองแปะไว้บนกระจกด้านหน้า และแล้วเราทั้งสองถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ





คริสมาสต์ครั้งนี้ชอบมากเพราะไม่มีพายุหนักเหมือนปีก่อน หิมะเยอะ แต่แดดออก ฟ้าแจ่มใส ได้ไปถ่ายรูปที่เนินเขา ที่ดินของครอบครัวสมใจ แถมยังได้ไปเขื่อนที่เป็นน้ำแข็ง เดิน นอนกลิ้งๆๆๆ บนเขื่อนน้ำแข็ง ตื่นเต้นๆๆๆๆ ได้ยืนน้ำที่เป็นน้ำแข็งแล้วจริงๆๆ
การเดินทางครั้งนี้ หนีบกล้องไป สองตัว ตัวเล็กพกใส่กระเป๋าเสื้อ ใช้ง่าย ตัวใหญ่ใช้บางโอกาส และถ่ายวิว ได้ภาพมา พันสองร้อยกว่าภาพ



วันเดินทางกลับ มิสเตอร์ดูข่าวแจ้งสภาพอากาศ แล้วบอกว่าเราคงไม่ได้กลับบ้านแน่คืนนี้ เพราะหิมะฝั่งบ้านเราหนัก เราสองคนขึ้นเครื่องจากสนามบินบิสมาร์ค นอร์ธดาโกต้า 16.30 ไปถึง สนามบินมินาอโปลิสประมาณ 18.xx และดูจอทีวีตรวจสอบเที่ยวบิน ว่ามีที่ไหนใกล้ ที่เราจะไปลงได้บ้างคืนนี้ เพราะเที่ยวบินของเราได้ยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว...เหนื่อยๆๆๆ เบื่อๆๆๆ มิสเตอร์หงุดหงิดๆๆๆ ตลอดการเดินทางเลย



เราสองคนสอบถามข้อมูลที่จุดช่วยเหลือของสายการบิน  เที่ยวคืนนี้ลงสนามบินพิสเบิร์ก ใกล้กับสนามบินฟิลาเดลเฟียที่ยังไปได้แต่เราไม่ทัน  สุดท้ายต้องค้างคืนหนึ่งคืน ดีกว่ารอกำหนดการที่สายการบินแจ้งมาว่าสนามบินฟิลาเดลเฟียจะทำการบินอีกครั้ง ต้องรออีก สองวัน..อยากกลับบ้านจะแย่แล้ว  เราติดต่อช่องตั๋วเปลี่ยนเส้นทางพรุ่งนี้เช้าไปลงพิสเบิร์ก ได้เที่ยวบิน 7 โมงเช้า  จากนั้นตรงไปที่เค้าน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามข้อมูลโรงแรม แต่ไม่มีใครเลย เราเดินสำรวจรอบๆๆ เห็นโทรศัพท์มีป้ายเขียนไว้ด้วยแต่ละเบอร์ติดอะไรได้บ้าง บอกมิสเตอร์มาโทรติดต่อ..เสร็จสรรพ ได้ห้องพัก คืนนี้มีที่นอนล่ะ แล้วเดินไปทางไหนต่อล่ะ ขี้นรถบริการของโรงแรม (shutter bus)




สนามบินมินาอโปลิสจัดว่าใหญ่ ระหว่างชานชลา (เรียกเป็นรถเมล์เลยละกันเข้าใจง่ายดี) มีรถพ่วงไฟฟ้า เรียกว่า แทรม (Tram)  (เหมือนรถไฟ) วิ่งเชื่อม เราขี้นกันสองรอบ เพราะลงผิดที่ สอบถามเจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงหรือเปล่า ไม่รู้ ไม่เห็นป้ายบอก แต่หาอะไรไม่เจอ ยกโทรศัพท์ถามได้ แต่ละจุดมีโทรศัพท์และรหัสจุดนั้นๆๆ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน

เมื่อถึงจุดรถรับจากโรงแรม ต้องโทรแจ้งที่โรงแรมเอง  มีคนติดค้างเหมือนเราหลายคนทีเดียว มีรถจากโรงแรมหลายแห่งทะยอยมารับ แล้วรถเราก็มาถึงภายใน 12 นาที ...

รวบรัดตัดความ ถึงเช้า รถโรงแรมมาส่งที่สนามบิน เช็คอิน ไม่มีชื่ออีก ชักใจไม่ดี แต่พนักงานเช็คให้อีกรอบ ไม่มีปัญหา สุดท้ายเราสองคนได้นั่งอยู่บนเครื่องบินเดินทางถึงสนามบินพิสเบิร์ก โดยสวัสดิภาพ ติดต่อรับรถ ตามที่จองๆไว้(ใช้อินเตอร์เนตที่โรงแรม) เราเช่าขาเดียวเพราะไม่ขับกลับ เสียค่าบริการแพงกว่าเช้า สองขา แต่ทำไงได้ล่ะ ... รถที่จองไม่ได้ และไม่มีตัวเลือกเพราะไม่มีรถให้เลือก ได้คันจ้อย มิสเตอร์บอกรู้สึกขายหน้า เพราะเคยขับแต่คันใหญ่




ใช้เวลาเดินทางบนถนน 7 ชั่วโมงถึงสนามบิน และ ถึงบ้าน 30 นาที จบการเดินทางครั้งนี้ด้วย การไม่สบายทั้งคู่หลังจากกลับมาแล้ว

มิสเตอร์บอกว่า " จะไม่จากบ้านไปไหนอีกแล้ว" 
โอ้ทบอกว่า " ไม่จริงหรอก ตราบที่เรายังไม่ย้ายไปอยู่ที่โน่น ก็ต้องไปทุกปีไม่ใช่เหรอ"
 มิสเตอร์.... (ไม่มีคำตอบจากมิสเตอร์)


ปล. สายการบินที่ไปนอร์ธดาโกต้ามีเพียงสายเดียว ดังนั้นเราไม่มีทางเลือก ราคาตั๋วเท่ากับตั๋วไปไทยทีเดียวเชียวแหละ มิสเตอร์บอกว่า เพราะไม่มีคู่แข่ง สายการบินนี้จะคิดเท่าไรตามใจเลย


คลิกดูอัลบัมทั้งหมด

Wednesday, January 5, 2011

แจ๋ว แจ่มใส # 3

วันแรกเริ่มทำหน้าที่แจ๋ว 12 ต.ค 53...ตื่นเต้น และ กังวลเล็กน้อย  ไปถึงบ้านก่อนเวลาเล็กน้อย เพราะไม่เคยไปต้องเผื่อหลงไว้ก่อน แต่บ้านหาง่าย (ขนาดหาง่ายยังใช้วิธีเดิม เลยไปก่อนแล้ววนกลับมา เพื่อความแน่นอน ..ฮ่าฮ่า)

บ้านนี้ไม่มีเด็ก ไม่มีสัตว์เลี้ยง และค่อนข้างสะอาดเป็นระเบียบ ถือว่าโชคดีสำหรับงานแรก เจ้าของบ้านใจดี

เริ่มด้วยใส่ถุงมือยางก่อน แม่บ้านบอกและเตรียมไว้ให้เรียบร้อย เป็นแบบใส่แล้วทิ้งทุกครั้ง จากนั้นดูตะกร้าผ้าแต่ละห้อง (3 ห้อง รวมห้องใต้ดินลูกชายอยู่)  ด้านบนถ้ามีผ้าให้เอามาหย่อนลงช่อง ไปใต้ดิน(เครื่องซักผ้าอยู่ใต้ดิน) ไม่ต้องหอบตะกร้าเดินลงไป เหมือนบ้านเราเอง..ฮ่าฮ่า  จากนั้นแยกผ้า สี ผ้าขาว และวิธีใช้เครื่องซักผ้า (ที่นี่เครื่องซักผ้ามีหลายแบบ บ้านนี้ยังใช้รุ่นเก่าอยู่ บ้านโอ้ทใช้รุ่นใหม่แล้ว ปุ่มต่างๆๆ ต่างกัน เพื่อความแน่นอน รู้ไว้ให้หมด) เครื่องอบผ้า สังเกตุเห็นว่าแม่บ้านมีราวตากผ้า ได้ความว่าจะไม่อบผ้านานจนแห้ง ประหยัดพลังงาน ยกเว้นฤดูหนาว ดูน้ำยาทำความสะอาด น้ำยาซักผ้า อุปกรณ์เครื่องมือ ไม้ถู เครื่องดูดฝุ่น และอะไรต่อมิอะไรที่ต้องใช้ ให้รู้ว่าอยู่ที่ไหนบ้าง  แต่ละอย่างมีทุกจุด อย่างละป๋อง สอง ป๋อง รู้เลยว่าบ้านนี้รักความสะอาด

จากนั้นล้างห้องน้ำ แม่บ้านทำให้ดูก่อน แล้วโอ้ทขอทำต่อ  ห้องน้ำสะอาดมาก จะเช็ดผนังกระเบื้องสัปดาห์ละครั้ง หรือ สัปดาห์เว้นสัปดาห์แล้วแต่ว่ามีคราบมาก-น้อย ล้างอ่าง ล้างโถ ถูพื้น เอาพรมน้อยไปผึ่ง  แต่ด้วยส่วนตัวชอบเปิดทุกซอก สำรวจมีตู้ตรงไหนเปิดหมด ได้มีงานทำอีกจัดตู้เก็บของ แต่ไม่ได้ทำวันนี้ ไม่ทันจ้า..

ล้างห้องน้ำเสร็จห้องเดียว ดูดฝุ่นห้องได้อีก 1 ห้อง แล้วช่วยกันทำอาหาร

ลืมบอกไปว่าบ้านนี้ต้องทำอาหารให้ด้วยเพราะแม่บ้านผ่าตัดแล้วจะทำอะไรไม่ได้เลย ตอนคุยกันโอ้ทแจ้งไปแล้วว่าทำอาหารไม่เก่ง ทำได้เฉพาะที่กินเอง เขารับข้อนี้ได้ แต่ก็ยังกังวลอยู่ดี

วันแรกผ่านไปได้ด้วยดี  ติดตามต่อไปนะจ่ะ

รูปนี้ถ่ายเมื่อฤดูใบไม้ร่วง(Fall 2009) ปี 53 เตาอบเก่ายังไม่พัง..อิอิ

Monday, January 3, 2011

แจ๋ว แจ่มใส # 2

กลับมาที่เวบ http://www.care.com/ ลงทะเบียนไว้ตั้งแต่ต้นปี 2009 แต่ไม่เคยสมัครอะไรไป ในเวบจะมีข้อมูล งานดูแลเด็ก ดูแลผู้สูงอายุ และ ทำความสะอาด  ดูข้อมูลคนหางานว่าเขาต้องการคนทำงานคุณสมบัติอะไรบ้าง จนเมื่ออยู่ไม่ไหวแล้วอยากทำงานๆๆๆๆๆ หลังกลับจากไปนอร์ธดาโกต้า เมื่อ ก.ค 2010 เริ่มเลือก และส่งข้อความสมัครไป รวมแล้วส่งไปทั้งหมด 11 คน ไม่ได้ส่งติดต่อกัน ส่งครั้งล่ะ 1-2 ฉบับ เลือกที่คิดว่าทำได้ และไม่ไกล มีตอบกลับมา 3 ฉบับปฎิเสธ เพราะเราไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน แต่เราบอกไปว่าเราทำงานบ้านทุกวัน







นี่เป็นข้อความที่เขียนไป

Hi my name is Oath. I live not far from Newark library. I live here for 2 years with my husband and no kids. I have 3 cats. I am interested to apply for this job but I do not have an experience. I once did clean the basement for Thai lady for 4 days because she asked me to work for her just that room done. I also worked as a cleaning windows person as part time for 3 weeks. I do clean my house everyday. By the way I am Thai and my English is OK.

If you give me a chance to work for you I do my best.

Thank you.

จนกระทั่งกันยายน ได้รับข้อความตอบรับมา 1 ฉบับ ตื่นเต้นดีใจมากๆๆ ถามตัวเองว่าจะทำได้จริงๆๆ หรือเปล่า แต่ไหนๆๆก็ไหนๆๆแล้ว ก้าวหน้าไม่ถอย  สุดท้ายนัดพบ คุยรายละเอียดทำงาน และค่าจ้าง ..

เรื่องค่าจ้าง ด้วยไม่เคยมีประสบการณ์ จีงไม่แน่ใจว่าจะเท่าไรดี แต่คิดไว้ว่าต้องไม่น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ที่นี่ประมาณ 8 เหรียญ (ฟังมาอีกที) ตอนเช็ดกระจกได้ 8 เหรียญเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันได้ ออกซะก่อน ..เริ่มจาก 5-6-7 สามสัปดาห์พอดี..

(งานทำความสะอาด หลายๆๆคนได้ถึง 15-20 เหรียญ/ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และอาจจะขี้นอยู่ว่าต้องเตรียมอุปกรณ์ไปเองด้วย)

เมื่อไปพบ เจ้าของบ้านพาดูทั่วบริเวณบ้าน พร้อมบอกรายละเอียดว่าปกติทำอะไรบ้าง อะไรอยู่ตรงไหน แล้วมานั่งคุยกันเรื่องวันทำงาน ค่าจ้าง  โอ้ทบอกไปตามตรงเรื่องค่าจ้างเพราะไม่รู้ว่าจะเรียกเท่าไรไม่มีประสบการณ์แต่คุยกับครูมา แล้วคิดไว้เองอยากได้ไม่ต่ำกว่า ขั้นต่ำ หรือ 8 เหรียญ เจ้าของบ้านบอกว่าเคยจ้างคนทำความสะอาดนานแล้ววันละ 50 เหรียญ แต่เขาทำกี่ชั่วโมงไม่รู้เพราะทำตอนทุกคนไปทำงานกันหมด สรุปว่าเจ้าของบ้านให้ 10 เหรียญ และถ้ามีอะไรนอกเหนือจากงานทำความสะอาด เช่นต้องไปช่วยถือของที่จ่ายตลาด ..ฮ่าฮ่า หน้าบานซิ แต่เก็บอาการไว้ ดีใจๆๆๆ ได้มากกว่าที่คิด สำหรับการเริ่มต้น ถือว่าดีทีเดียว และเริ่มทำสัปดาห์ละ สองวันก่อน ให้ชินกับบ้านและรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน และเมื่อเจ้าของบ้าน(หญิง)ผ่าตัดเข่าจะให้ทำทุกวัน

บ้านนี้เป็นบ้านที่สะอาด และเป็นระเบียบ เท่าที่เคยเห็นมาเลย ไม่ได้ทำอะไรหนัก และเป็นกันเอง ใจดีมาก ทำงานด้วยรู้สึกสบายๆ ทำอะไรตามที่เราคิดว่าเหมาะ ว่าดีได้เลย ปกติแม่บ้านเป็นคนทำความสะอาด และดูแลบ้านทั้งหมด รวมถึงซ่อมแซมสิ่งต่างๆๆ ที่ทำได้ (เห็นเองกับตา) ที่ต้องการคนมาทำงานให้เพราะต้องผ่าตัดเข่าเดือนมกราคมนี้ แล้วจะเดินไม่สะดวกเป็นระยะเวลาหนึ่ง ที่คุยกันได้ความว่าต้องการให้โอ้ททำงานด้วยหนึ่งปี จากนั้นอาจทำสัปดาห์ละวันหรือสองวัน

วัน และ เวลาทำงานไม่ต้องคุยกันมาก เพราะได้ระบุไว้ในเวบ http://www.care.com/ แล้ว โอ้ทระบุไว้ ทำได้จันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-15.00  เรื่องเวลาที่นี่อย่างที่รู้กัน เป็นเงิน แล้วจะเล่าต่อไปนะจ่ะ วันนี้ขอไปอาบน้ำ หลับใต้ผ้าห่มก่อน พรุ่งนี้ทำงานจ้า แล้วจะกลับมาเล่าต่อ ติดตามน่ะ แจ๋วแจ่มใส #3


รูปนี้เมื่อฤดูหนาว ปี2552...





แจ๋ว แจ่มใส #1

3 ม.ค 53... สรุปปีที่ผ่านมาสิ่งที่ใหม่ที่เกิดขึ้น และเป็นสาระคือมีงานทำ เป็นอาชีพจริงๆๆ ถึงแม้จะเป็นพาร์ทไทม์  ทำความสะอาดบ้าน หรือเรียกกันสั้นๆๆว่า "แจ๋ว"  ขอเล่าที่มาของการหางานสักนิด

งานนี้แตกต่างจากงานครั้งก่อน "เช็ดกระจก" เพราะสมัครทางอินเตอร์เนต เวบนี้ http://www.care.com/  รู้จักได้อย่างไรนะเหรอ เสริจหาเอาน่ะซิ หางานทำความสะอาดโดยเฉพาะ

 เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากทำงานเช็ดกระจกมาแล้ว ทำให้คิดอย่างถึ่ถ้วน รอบคอบ งานอะไรที่ทำแล้วต้องออกนอกสถานที่ ในฤดูหนาวขออำลาดีกว่า  แล้วจะทำอะไรดีล่ะ  จะทำงานออฟฟิศเหรอ ไม่ได้จบที่นี่ จะได้ยังไง คนที่นี่ยังตกงานกันเยอะ แล้วจะชอบเหรอ ตอนอยู่ไทยไม่ชอบเลยงานออฟฟิศ งั้นไม่เอา เลี้ยงเด็กล่ะ งานนี้คิดตั้งแต่มาใหม่ๆ แต่ด้วยตัวเองไม่ได้รักเด็กถึงขั้น จะตัดไปเสมอ  คราวนี้คิดๆๆๆ ถ้าจะทำเลี้ยงเด็กต้องเรียนอย่างน้อย 3 เดือน แล้วต้องสอบใบอนุญาตอีก ยุ่งอีก ไม่เอางานนี้ดีกว่า และแล้วก็ได้พักการคิดไปเที่ยวก่อนสองสัปดาห์ กลับมาคิดต่อ ทำไรดีๆๆๆ  หรือว่าจะดูแลผู้สูงอายุ น่าจะง่ายกว่าเลี้ยงเด็ก คุยกับมิสเตอร์อีก

มิสเตอร์ว่าจะทำได้เหรอ ต้องเช็ด อึ ด้วยน่ะ
โอ้ทตอบว่า ทำได้ซิ ก็เหมือนทำให้พ่อ กับแม่แหละ

มิสเตอร์ว่า ทำได้จริงเหรอ ดูในยูทูปยูยังยูดูไม่ได้เลย
โอ้ท...เงียบ แล้วคิดใหม่ ...เออน่ะ แล้วเราจะทำได้จริงหรือเปล่าหว่า

สุดท้าย ไม่เอาดีกว่างานนี้ผ่านไป แล้วเหลืองานเดียวละ ทำความสะอาด เพราะทำงานบ้านอยู่ทุกวัน ไปทำแล้วได้เงินด้วยดีกว่า เห็นในทีวีรายการทำความสะอาดบ้าน มีหลายบ้านเชียวที่เจ้าของบ้านไม่ทำ ต้องจ้างคนทำ

เคยคุยกับมิสเตอร์ว่าอยากทำตามบ้าน ทำเองคนเดียว ไม่ต้องเป็นลูกจ้างบริษัทรับทำความสะอาด หักเปอร์เซ็นต์

มิสเตอร์บอกว่าต้องเตรียมอุปกรณ์ด้วยน่ะ
เราตอบไปว่าบางบ้านเขามีให้
มิสเตอร์ว่าถ้าเขามีคงไม่หาคนทำหรอก

ไม่ให้กำลังใจกันเลย แต่ยังดีแนะมาว่า ทำไมไม่สมัครทำงานโรงแรมไปก่อน
เราตอบไปว่า งานโรงแรมไม่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์ซิ แบบนี้เหมือนต่างคนต่างอยู่ เป็นงานประจำไม่เอา จะทำพาร์ทไทม์  สุดท้ายมิสเตอร์ส่ายหัว (หน่ายอีกแล้ว) อยากทำอะไรก็เชิญจ่ะแม่คุณ (เดาว่ามิสเตอร์คิดแบบนี้) 


ติดตามตอนต่อไปนะจ่ะ แจ๋วแจ่มใส #2



รูปถ่ายเมื่อฤดูหนาว ปี 2552 หนาวแรก