Life is short then do what brings happiness to life.ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุข ก็ทำไป

เรื่องราวที่เขียนในบล๊อกเป็นประสบการณ์ และชิวิตประจำวันของโอ้ทเอง เขียนไว้เป็นบันทึก เก็บไว้อ่านย้อนหลังเมื่อวันเวลาผ่านไป ซึ่งเอากลับมาไม่ได้ หากสิ่งที่เขียนเป็นประโยชน์กับบางคน หรือหลายคนด้วยก็ดีใจ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ

Tuesday, January 25, 2011

เรียนภาษาอังกฤษ ฟรี #1


25 มกราคม 2554

เมื่อมาอยู่ในที่พูดคนละภาษา ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นที่นี่ ไมเก่ง ทำยังไงล่ะ จะรอให้คนที่นี่พูดภาษาเรา โอ้ย ฝันไปซิ ...ต้องไปเรียน ได้เจอคนใหม่ๆๆ ฝึกพูด เรียนรู้สิ่งใหม่ๆๆ แล้วเรียนที่ไหนดีล่ะ ...

แหล่งแรกเลย คืออินเตอร์เนต หาดูซิว่าในเมืองที่อยู่เนี่ยมีที่ไหนบ้าง แล้วจัดแจงเลือกที่ใกล้ๆๆ แต่ว่าไม่มีเลยแฮะ งั้นทำไงๆๆๆ...

แหล่งที่สองจากคำแนะนำของเพื่อน คือห้องสมุด โชคดีที่ห้องสมุดอยู่ใกล้เดินจากบ้าน 30 นาที

ได้แล้วมีใบปลิว ที่สอนภาษาฟรีหลายที่เชียว แต่ปัญหาคือต้องไปเรียนที่เดินไปได้ก่อน เพราะยังไม่มีใบขับขี่ เลือกได้หนึ่งที่คือโบสถ์อยู่ในถนนเมน (Main street) เมื่อได้ที่เรียนแล้ว ไม่รีรอ โทรสอบถามวันเปิดเรียน และดูเส้นทาง(เส้นทางรู้แล้ว ดูว่าโบสถ์ไหน เพราะบนถนนเมนมีโบสถ์อยู่สองที่) เมื่อได้ข้อมูลครบ ถึงวันเปิดเรียนออกจากบ้าน เผื่่อเวลาเดิน 40 นาที (วันแรกๆๆ รู้สึกว่าไกลมาก แต่ปัจจุบันชินแล้ว เคยเดินไปรูัสึกว่าแป้บเดียว)

ที่โบสถ์ที่โอ้ทเริ่มเรียน แยกกลุ่มนักเรียนเป็นสองระดับ โอ้ทเลือกเรียนระดับต้น เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าเรียนระดับสูงกว่าจะรู้เรื่อง เริ่มต้นเลยดีกว่า ฟังรู้แต่พูดออกเสียงยังไม่ได้ดี ครูที่รับลงทะเบียนบอกไว้ว่าถ้าเรียนแล้วรู้สึกว่าช้าไปให้บอกจะย้ายห้องให้ แต่โอ้ทเรียนห้องเดิมจนกระทั่งเลิกเรี่ยน

 เริ่มเรียนตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2551(2008) (หลังจากหาที่เรียนประมาณสองสัปดาห์) จนกระทั่งเดือน พฤศจิกายน เริ่มหนาว มีฝนด้วย เริ่มด้วยเดินไปเรียน พออากาศเริ่มเย็น ไม่ไหว ขึ้นรถเมล์ไป (ขี้นรถเมล์วันแรกอ่านที่นี่)  วันนั้นยืนรอรถเมล์อยู่ รู้สึกว่านานมาก หนาวก็หนาว ฝนก็ลงปรอยๆๆ แล้วลมพัดอีก ไม่ได้ใส่ถุงมือด้วย ยืนสั่นแล้วมือก็แข็งๆๆๆ ทำไมรถไม่มาสักทีน่ะ สุดท้ายตัดสินใจเดินกลับบ้าน และจากวันนั้นตลอดฤดูหนาวไม่ออกจากบ้านเลยถ้าไม่จำเป็น ตอนนั้นยังไม่ต้องไปจ่ายตลาดเองเพราะใบขับขี่ยังไม่มี มิสเตอร์จะพาไปเสาร์-อาทิตย์

การเรียนที่โบสถ์ในห้องที่โอ้ทเรียน มีนักเรียนหลายคน เข้าๆ ออกๆ ตลอดเวลา บางวันมาร่วม 20 คน แต่ไม่เคยต่ำกว่า 10 คนเลยในแต่ละวัน คนที่มาเรียนแต่ละคนจากหลากหลายประเทศ ฉะนั้นสำเนียงฟังกัน แล้วต้องแปลกันอีกที นับถือครูจริงๆๆที่เข้าใจคนเรียนทุกคน

 คนที่มาเรียน บางคนพูดได้ แต่อ่านไม่ได้ บางคนฟังเข้าใจแต่ตอบเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ และบางคนไม่รู้เลย ครูจะแยกคนที่ไม่รู้ไปสอนส่วนตัวให้กระทั่งพอเข้าใจบ้าง จึงให้มาเรียนร่วมกับเพื่อนๆ  ครูจะเตรียมชีทมาให้ทุกครั้งที่เรียน เป็นเรื่องราวชีวิตประจำวัน เรื่องราวจากหนังสือพิมพ์ และเรื่องราว ประวัติเทศกาลต่างๆๆ ที่ใกล้จะถึง ณ ขณะนั้น ทุกคนจะอ่านวนกันไปรอบโต๊ะ อ่านคนละไม่กี่ประโยค เพราะนักเรียนเยอะอย่างที่บอกนะแหละ

ที่โบสถ์จะมีการเรียนสัปดาห์ละวัน เวลา 2 ชั่วโมง แล้วมีกิจกรรมนอกสถานที่อีกหนึ่งวัน โอ้ทไปร่วมกิจกรรมไม่เคยขาดในช่วงแรกๆ มิสเตอร์ทำงานพาไปไม่ได้ก็อาศัยไปกับกลุ่มที่โบสถ์ ได้เห็นสถานที่ต่างๆบ้าง ในขณะนั้น

 ไปร้านอาหารบ้าง พิพิธภัณฑ์ ตลาด สถานที่น่าสนใจ แล้วแต่นักเรียนจะนำเสนอ ณ ขณะนั้นมีเพื่อนคนญี่ปุ่นคนหนึ่งเป็นผู้คอยหาสถานที่น่าสนใจ และเป็นสาระถีพาเพื่อนๆ ไป ฉะนั้นใครที่ไม่มีรถก็ไม่มีปัญหา จุดนัดพบคือลานจอดรถที่โบสถ์นั่นเอง

ตั้งแต่เพื่อนคนญี่ปุ่นกลับไปแล้วตั้งแต่ต้นปลายปี 2552(2009) จนทุกวันนี้ยังหาคนทำหน้าที่แทนไม่ได้ โอ้ทไม่ได้ไปเรียนที่โบสถ์แล้ว แต่ไปร่วมกิจกรรมที่โอ้ทสนใจอยู่เสมอ

อ่อ ลืมเล่าว่าครูที่สอนทุกคน เป็นอาสาสมัคร ไม่มีเงินเดือน ไม่มีค่าจ้าง แต่สอนด้วยใจรัก

No comments:

Post a Comment

ขอบคุณมิตรภาพ และความคิดถึงที่เอามาฝากไว้ที่นี่ค่ะ

Thank you for visiting.