Life is short then do what brings happiness to life.ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุข ก็ทำไป

เรื่องราวที่เขียนในบล๊อกเป็นประสบการณ์ และชิวิตประจำวันของโอ้ทเอง เขียนไว้เป็นบันทึก เก็บไว้อ่านย้อนหลังเมื่อวันเวลาผ่านไป ซึ่งเอากลับมาไม่ได้ หากสิ่งที่เขียนเป็นประโยชน์กับบางคน หรือหลายคนด้วยก็ดีใจ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ

Friday, December 31, 2010

บ่ายวันพฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค 53

วันนี้ตั้งแต่มิสเตอร์ไปทำงาน 8 โมงเช้า นั่งแปะอยู่หน้าคอมฯ จนเกือบเที่ยง ตั้งใจออกไปทำภาระกิจ(ของตัวเอง) ตั้งแต่เช้า จนจะครึ่งวันแล้วยังไม่จัดการตัวเองให้เรียบร้อยไม่ได้การณ์ รีบเด้งดึ๋งลุกจากเก้าอี้จัดการอาบน้ำ แต่งองค์ซะ แล้วไปๆๆๆๆ ไม่ได้หม่ำๆๆด้วย ไว้ค่อยกลับมาหม่ำรวดเดียวก็แล้วกัน  ยังมีไข้อยู่นิดหน่อย มึนจากการเดินทาง(ไปนอร์ธดาโกต้าเพิ่งกลับมา) ไม่หายดี   เส้นทางที่ทำภาระกิจวันนี้ไปจุดไกลที่สุดแล้ว จุดต่อๆๆ มาเป็นเส้นทาง ขากลับ ภาระกิจดังนี้

1. ไปคุยเรื่องเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือที่ร้าน

เนื่องจากโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ถ่านก้อนนี้ใช้มา 5-6 ปีแล้ว จนเก็บไฟได้ไม่นาน เมื่อถึงยามต้องใช้ติดต่อ มิสเตอร์บอกว่าได้เวลาเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่แล้วละ แต่โอ้ทเพิ่งจะเปลี่ยนเครื่องนี้รุ่นเดียวกับที่เคยใช้เพราะหน้าปัทม์แตก ได้ปีเดียว เสียค่าเปลียนไป 50 ดอลล่าร์ เสียดายตังค์ บอกมิสเตอร์ไปว่าซื้อถ่านมาใหม่ก็พอแล้ว..

เมื่อดูในเนตถ่านราคาถูกไม่ถึง 10 ดอลล่าร์ แล้วเลยดูราคาเปลี่ยนเครื่องใหม่ เจอน่าสนใจเปลียนฟรีอีก ได้รุ่นใหม่ๆๆ ไฮเทคด้วย ปิ้ง แบลคเบอรรี่ 3จี ที่ได้ยินคนพูดถึง จัดการทำเรื่องในเวบ หลายครั้งไม่สำเร็จ ถึงได้ไปติดต่อที่ร้าน ปรากฎว่าที่ร้านต้องจ่ายเต็มราคา ร้อยกว่าดอลล่าร์แล้วจะหักคืน มาภายใน 3 สัปดาห์ แต่ไม่ได้ทั้งหมด จะเป็นยอด 50 ดอลล่าร์ ที่ต้องจ่ายจริง คุยไปคุยมา ทำไม่ได้เพราะสัญญาเป็นชื่อมิสเตอร์ โทรหามิสเตอร์ที่ทำงานก็ไม่รับ เดาว่ายุ่ง ...ในวันเดียวกันคุยกับเคาน์เตอร์โทรศัพท์ค่ายเดียวกันอีก ได้ข้อมูลมาเพิ่ม(คุยกับร้านไม่เข้าใจ หรือร้านไม่บอกไม่แน่ใจ) ต้องจ่ายค่ารายเดือนเพิ่มจากที่จ่ายอยู่อีก 15 ดอลล่าร์ (สัญญา 2 ปี ต้องเพิ่มไป) โอ้ย ไม่เอาดีกว่า ไม่อยากเสียเงินเพิ่ม ปรกติไม่ได้ใช้มากด้วย สรุปว่า ซื้อถ่านใหม่ดีแล้ว
 

2.  เอาพัสดุใส่กล่องเพื่อจะส่งให้ทางบ้านที่กรุงเทพฯ ไปเฟดเอ๊กซ์ ได้ราคาที่ 220 ดอลล่าร์ เอาของออกบางส่วน ยังอยู่ที่ราคาเดิม สรุปว่าไม่ส่งดีกว่า ส่งไปรษณีย์ถูกกว่า
กล่องในภาพ เอาของออกหมดแล้ว

3.  ซื้อกับข้าวที่ฟาร์มเมอร์มาร์เก็ต ตลาด(ในอาคาร) แม๊กซิกัน ซื้อประจำ ผักสด ราคาถูก ไม่ไกลบ้าน

4. จากฟาร์เมอร์มาร์เก็ต ขับผ่านบ้าน เลยไปบีเจ ซื้อเนื้อสัตว์และของอื่นๆๆ เป็นแพคใหญ่ ราคาถูกกว่าซื้อปลีก ซื้อประจำเหมือนกัน



5. แวะไปรษณีย์ส่งพัสดุให้เพื่อน และ เช็คพัสดุด้วย  และไม่ลืมเอากล่องเพื่อใส่ของส่งไปบ้านแยกอีกด้วย เผื่อจะไม่เสียภาษี เพราะส่งกล่องใหญ่ทีไรทางบ้านต้องเสียภาษีทุกครั้งไม่ว่าส่งอะไรก็ตาม
 เอาของแยกใส่กล่องเรียบร้อย


กลับมาถึงบ้านปรากฎว่ามิสเตอร์ไปดูตู้ไปรษณีย์ก่อนหน้า พัสดุมาแล้ว




 

ภาระกิจตั้งแต่เที่ยงจนกระทั่งหนึ่งทุ่ม

Wednesday, December 15, 2010

บัตรของขวัญวันเกิด เอาไปใช้แล้ว...

15 ธ. ค 53... ได้บัตรของขวัญวันเกิดจาก ว่าที่ ด๊อกเตอร์ สองสาว ห้าง ทีเจแม๊กซ์ 50 ดอลล่าร์ ไปจัดการใช้มาแล้ว แต่ไม่ได้เล่า เนื่องจากรูปมีของบางชิ้นเป็นของขวัญที่จะให้ ด๊อกเตอร์คนสวยด้วย จะรู้หมด ตอนนี้ให้ไปแล้ว เผยแผ่ ได้แล้ว

ตั้งใจไปซื้อรองเท้าบูท แต่ไม่ได้ แบบที่ชอบไม่มีเบอร์ แบบที่มีเบอร์และใส่ได้สวย ก็แพงๆๆๆ ดูของอย่างอื่นก็แล้วกัน ได้อะไรมาบ้าง ดูกันเลยจ้า

ผ้าพันคอปกติจะไม่ซื้อเพราะทำใช้เอง แต่ชอบสีผืนนี้ ยาวดีด้วย ไม่แพงมากด้วย 12 เหรียญ ที่สำคัญใส่แล้วไม่คันไม่แพ้








ได้แว่นมาอันนึง ตั้งใจกลับไปซื้อที่ไทยแต่เจอลดราคาถูกกว่าปกติ อีกอย่างแว่นหายไปอันนึงด้วย





ถุงเท้าตัดสินใจอยู่นานจะซื้อดีไม่ซื้อดีเพราะตั้งใจทำเองอยู่ แต่ไม่ได้ลงมือสักที จะไปนอร์ธดาโกต้าด้วย คงทำไม่ทัน ราคาไม่แพงด้วย ซื้อมาเลยดีกว่า







ใช้ทาหน้า เรียกอะไรไม่รู้ เคยซื้อมาลองใช้แล้วดี ราคาถูก กลับไปซื้ออีก เหลือสองขวดสุดท้าย

ใช้ล้างเครื่องสำอางค์เป็นน้ำนม ถูกอีก เลยซื้อมาลอง  ปกติใช้ครีมพอนด์ล้างอยู่








โลชั่นหอมทุกกลิ่น ซื้อมาให้เป็นของขวัญ แบ่งได้หลายคน คนรับได้แล้วโทรมาบอกว่าหอมมาก ชอบๆๆๆ คนให้ก็ปลื้ม





ฤดูหนาว ซื้อเสื้อ กางเกงหนาๆๆ เข้าไว้...

เหตุเกิดเมื่อบ่ายนี้เอง(15 ธ.ค 53) หลังจากเรียน (การอ่านภาษาอังกฤษ) เสร็จทางกลับบ้านต้องกลับรถ และที่กลับรถคือสี่แยกเข้าห้างนั่นเอง แวะไปหน่อยดีกว่า อยากได้เสื้อใส่ข้างในเพิ่มอีก ปรากฎว่า เสื้อผ้า ฤดูหนาวลดราคาครึ่งนึงแน่ะ ตัวล่ะ ไม่เกิน $6 ดึงดูดอีกแล้ว หยิบไม่ติดเบรคเหมือนเคย ราคาต่อชิ้นถูก แต่ราคารวมเบ็ดเสร็จจ่ายไป 90 นิดๆๆ อีกแล้วคับท่าน  ได้เสื้อ กับ กางเกง เอาไว้ใส่นอนระหว่าง อยู่นอร์ธดาโกต้า แล้วเอาไว้ใส่ไปทำงานที่เดลาแวร์จะได้อุ่นๆๆ  และได้ชุดเทอร์มอล(ใส่ข้างในเหมือนชั้นในทำให้อุ่นขึ้น) ให้พ่อ แม่  และ น้องชาย คนละชุด เพราะชอบไปนอนเต้นท์บนภูฤดูหนาว อุณหภูมิต่ำใช้ได้ 3 เซสเซียส ก็หนาวแล้ว

เข้าห้างฯ ตัวเปล่า กลับออกมา หิ้ว สองถุง

ในถุง...เสื้อ กางเกง และชุดเทอร์มอล เหลือตัวล่ะ $4-5 ถุงเท้าซื้อ 1 แถม 1 $6.99 คิดแล้ว คู่ล่ะ 3กว่าๆๆ

ใช้บัตรของขวัญ แต่ว่าเกิน........................อะจ๊ากกกกกกกก

เหตุเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ธ.ค 53...ตั้งใจว่าเมื่อทำภาระกินเสร็จจะไปใช้บัตรของขวัญที่พี่หนึ่งให้ที่ช่วยพาไปธุระสถานฑูตแล้วดูแล 100 เหรียญ ของเบอร์ลิงตันวันนี้ออกไปช้อป อยากได้เสื้อโค้ทยาวเอาไปใส่บ้านแม่ย่า เพราะตัวที่มีอยู่สั่นแค่เกือบถึงเข่า ทนไม่ไหวยังสั่นๆๆ แต่ราคาแพงๆๆๆ อยากได้อย่างอื่นด้วยไง ก็เลือกเสื้อนิตติ้งอยู่เป็นนาน ก็อย่างว่าคนทำเองได้ เลยไม่ค่อยอยากซื้อไง เลือกไปลอง แล้วสุดท้ายใส่ไม่สวย ไม่เอาแล้ว ไปดูเสื้อโค้ทดีกว่า แพงก็แพง เลือกได้ตัวนีงเพราะมีตัวเดียว ที่ใส่ได้นอกนั้นใหญ่ ยาวซะใจเลย คลุมเกือบถึงตาตุ่ม แต่ยังเดินได้สะดวก 89.99 ยังเหลือ
 ไปเอายีนส์รัดดีกว่า แต่แหมต้วนึง 16.99-19.99 แน่ะ ปกติซื้อไม่ถึง 10 เอาไปลองซิ ดีนะใส่ไม่ได้ เพราะปกติไม่ชอบใส่ยีนส์่บ่อยอีดอัด แล้วไปเจอถูกยีนส์ยืด 3.99 เอาไปลองอีก ไม่ได้อีกวุ้ย สุดท้าย กลับไปราวเลคกิ้ง ราคาถูกใจ ไม่ถึง 10 มีตั้งแต่ 3.99 ถึง 8.99 ก็เลือกมาแบบหนา เพราะแบบบางมีหลายตัวแล้ว และเลือกแบบเป็นลายมาด้วย เวลาใส่ ใส่ซ้อนสองต้วเลยไง




สุดท้ายตอนจ่ายตังค์ ปาไป 176.xx ดูๆๆๆ คนเรา และแล้วก็เกินๆๆๆ...ตอนไม่ช้อปก็ไม่เล้ยยยยยย พอช้อปทีไม่มีเบรค....ซื้อฝากเพื่อน(พี่ยุอยู่อลาบาม่า)ด้วยพี่ยุบอกไม่เคยใส่ ส่งไปให้ตัวแล้ว เจอตัวหนากว่า วันนี้ ซื้ออีกแล้วเอาแบบลายด้วย ไม่รู้จะใส่หรือเปล่า อิอิ


Tuesday, December 14, 2010

รูปหล่อเป็นหนุ่มแล้วค้าบบบบบบบ

6 ตุลาคม 53...ใต้โต๊ะกินข้าว ไล่ตะบปไหม
แววตาอยากรู้ตลอดเวลา




ลุงเฟรด

30 สิงหาคม 53...ลุงเฟรดอาวุโสที่สุดในบ้าน วันๆๆจะอยู่สงบๆๆ แต่มีตัวซ่ากวนใจตลอดเวลา รวมทั้งแม่บ้านด้วย..อิอิ





มังกี้จอมแสบสุด ณ เดลาแวร์...หายไปไหนหว่า

8 สิงหาคม 2553

เจ้ามังกี้น้องสุดท้อง ยังเล็กอยู่เป็นธรรมชาติของมะเหมียว ทั้งซน ทั้งซ่า ชอบไล่กวดพี่เฮอร์เบิร์ทกะลุงเฟรดประจำ บางวันไต่พรมข้างฝาเล่นซะงั้น ปกติพุงโตจะมีไฟฉายน้อยๆๆ เล่นไล่จับจุดแดงบนข้างฝานั่นแหละ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องมีจุดให้จับ เจ้าแสบก็ไต่เล่นเองได้

เมื่อ2-3วันที่ผ่านมาตอนสายๆๆ บ้านเงียบเชียว มังกี้หายไปไหนว่า เดินหาๆๆๆ บนบ้าน ไม่มี บนเตียงไม่มี ใต้เตียงไม่มี อ้าว! แล้วอยู่ไหนล่ะเนี่ย ประจวบกับผ้าในเครื่องปั่นเสร็จเสียงร้องเตือน ปี๊ดๆๆๆ เดินไปตั้งใจเอาผ้าใส่ตะกร้า แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะด้วยเหตุนี้...









นั่งรถไฟ เซพต้า ครั้งแรกในอเมริกา

วันเสาร์ที่ 22 มิ.ย 51... ดารินพาไปนั่งรถไฟที่เวลมิ่งตัน (สถานีนิววาร์คไม่ทำงานเสาร์-อาทิตย์) ไปฟิลาเดลเฟีย ดารินตรวจสอบข้อมูลจากอินเตอร์เนตเรียบร้อย เราก็จัดแจงกินข้าวเช้ากัน เวลา 13.25 ออกจากบ้าน ไปแวะไปรษณีย์ ส่งจดหมาย และ ดูตู้ด้วย จากนั้นขับตรงไปสู่สถานีเวลมิ่งตันใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่วันนี้นานนิดนึงเนื่องจากรถเยอะ
ที่เห็นคือสถานีรถไฟ


ดารินบอกว่าเป็นถนนที่รถเยอะที่สุดของ อินเตอร์สเตท ไปถึงเข้าไปจอดรถที่จอดสาธารณะหน้าสถานี เหมือนหัวลำโพงแต่ไม่พลุกพล่าน และเล็กกว่า 3 เท่า ดารินเข้าไปถามที่เคาน์เตอร์ บอกความประสงค์และสถานที่ที่ต้องการไป เจ้าหน้าที่สาวแนะให้ไปช่องสุดท้ายซ้ายมือ เรา 3 คนก็เดินกันไป ได้ตั๋วมา 3 ใบ@ 9 เหรียญ ไป-กลับ เป็นตั๋วเฉพาะเสาร์-อาทิตย์

(จากประสบการณ์ที่เคยไปเองด้วย 2-3 ครั้ง ตั๋วจะราคาต่างกันแล้วแต่ช่วงเวลา และหากตั๋วเกินเวลาแล้วต้องเสียเงินค่าตั๋วใหม่อีกต่างหาก ฉะนั้นต้องดูเวลาให้ดี พลาดละเสียเวลารอนาน แถมต้องซื้อตั๋วใหม่อีก)

จากนั้นก็รอเวลา เพราะอีกชั่วโมงกว่าจะถึงเที่ยวที่จะไป คนไม่เยอะเหมือนหัวลำโพง จะมีช่องแบ่ง แทรค 1-2-3 เมื่อตรวจดูเที่ยว และ เวลาว่าแทรคไหน ก็จัดแจงเดินไปดูเล้กน้อยเพราะไม่เคยมาก่อนที่ลงมานั่งด้านล่าง ถึงเวลารถไฟมาเราไม่แน่ใจ ดารินเดินไปถามคนที่อยู่ในขบวน ได้ความว่า รถไฟจะไม่มีหมายเลขที่รถ แต่ให้ดูป้ายด้านข้างว่าเส้นทางไหน R1 R2 R5 R8 เป็นต้น เราจะไปเส้นทาง R2 ภายในรถไฟเป็นเบาะหนังนั่งสบาย แต่ละสถานีอยู่ห่างกันไม่มาก รถไฟจะจอดบ่อย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงไปถึงจุดหมาย ขึ้นจากสถานี เดินไปไม่ไกลก็ถึงโรงเรียนนก ...แล้วก็เดินทางกลับ ดารินพาไปร้านขายของเอเชียก่อนเข้าบ้าน แต่ไม่มีสิ่งที่ต้องการเลย ว้า!!

เป็นครั้งแรกของดารินที่ใช้บริการรถสาธารณะที่นี่)




มาดูซิตี้ฮอลกันชัดๆๆ

ขึ้นรถเมล์ครั้งแรกในอเมริกา

อ่านประสบการณ์ของหนู (เพื่อนอยู่อลาสก้า) แล้วนึกถึงตัวเอง เอามาเล่าบ้างดีกว่า แต่โอ้ทจะต่างกับหนูตรงที่เมืองนี้เล็ก ผู้คนใจดี ขึ้นรถเมล์ทุกครั้ง ถามคนขับได้ตลอด คนขับก็ใจดี...ยกมาจากบล๊อกโอ้ททั้งบล๊อกเลยก็แล้วกันง่ายดี ใครเคยอ่านแล้วคงจำได้ ใครยังไม่เคยอ่านก็จะได้อ่านใหม่😁
ภาพด้านล่าง ขับรถดูบ้าน ในหมู่บ้านที่อาศัยอยู่





วันพฤหัสบดี มิถุนายน 2551

วันนี้ไปลองขึ้นรถเมล์กับนก(เพื่อนที่อยู่ด้วยกัน) สาย 65 เป็นสายที่ผ่านสถานีรถไฟไปฟิลาเดลเฟียที่นกต้องไปโรงเรียน ออกจากบ้านประมาณ 10 โมงเช้า เพราะคิดว่าตอนเช้ารถน่าจะเต็ม ไม่สะดวกแน่ ๆ เดินออกจากหมู่บ้าน อากาศเย็นเล็กน้อย ไปถึงป้ายรถหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต นกถามคนที่ป้ายเพื่อความแน่ใจว่าสาย 65 ไปสถานีรถไฟได้ไหมได้คำตอบมา พร้อมกับค่ารถ 3 เหรียญ แต่คนที่ถามเขาไปสายอื่น มีอีกคนยังอยู่โอ้ทเข้าไปถามเขาว่าเวลาจ่ายเงินหยอดลงกล่องใส่แบงก์ได้ไหม เพราะเหรียญไม่พอ ได้คำตอบมาว่าได้ และแล้วนาทีที่รอคอยก็มาถึง รถมาแล้วจ้า โชคดีจังผู้ชายคนที่ถามเขาเมื่อกี้ไปสายเดียวกัน นกก็บอกไปว่า
"I will follow you" 😊
ศาลารถเมล์ที่สถานีรถไฟแถวบ้าน ตรงที่เพื่อนยืนคือตู้ขายตั๋ว
ภายในรถบริการพาไปสถานีรถไฟอีกที่ ไม่เสียเงินเพิ่ม
ตั๋วรถไฟ


ขึ้นไปเขาจ่ายเงินเสร็จ นกก็จ่ายแบงก์ คนขับคงถามว่าเราจะไปไหน ไม่ทันตอบ ผู้ชายคนที่มาก่อนตอบแทนให้ ว้าว!!!ดีจังเลย บอกคนขับไปว่าแค่อยากสำรวจเส้นทาง และเอาตารางรถไฟ ไม่ได้จะขึ้นรถไฟ 
คงเพราะจ่ายไป 6 เหรียญ ได้ตั๋ววันมา สามารถเดินทางได้ถึงเที่ยงคืน รถเมล์สายไหนก็ได้ แต่ถ้าจ่ายเป็นเที่ยว 1.15 ดอลล่าร์ ซึ่งคิดแล้วแพงกว่า ขึ้นไปนั่ง ก็เริ่มสนทนา มีป้าผิวดำอยู่ก่อน ก็คุยกัน สอบถามว่าเราเป็นนักเรียนหรือ เรียนอะไร จำที่อยู่ได้ไหม จะไปไหน.....ฯลฯ ตอบไปว่าจะไปเรียนที่ฟิลาเดลเฟีย เพิ่งมาได้ 2 สัปดาห์ เป็นครั้งแรกที่ขึ้นรถเมล์ ต้องการลองก่อนไปจริง คุณป้า ผู้ชายคนเดิม และคนขับก็น่ารัก ช่วยแนะนำ แถมคนขับให้ตารางเดินรถมาด้วย พอถึงสถานีรถไฟ คนขับจอดแล้วยังบอกให้ผู้ชายคนก่อนลงไปเอาตารางรถไฟให้อีก เรา 2 คนก็เดินตามเขาลงไป โอ้!! ใจดีกันทุกคนเลย ประทับใจมากๆ เพราะตอนแรกคิดว่าผู้ชายคนนี้จะลง แล้วก็กลับขึ้นรถ นั่งไปจนคนลง คนขึ้น จนสุดสาย คุยกับคนขับเล็กน้อย ว่าเคยไปหลายที่แล้ว แต่จำทางไม่ได้ ไม่เคยนั่งรถเมล์ด้วย คนขับบอกว่าไม่ต้องกังวล พวกเราไม่เป็นอะไรแน่ๆ แล้วจะไปลงตรงที่ขึ้นมาใช่ไหม คำตอบคือ ใช่แน่นอนอยู่แล้ว จากนั้นก็มีคนขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เต็ม โอ้ทถามไปว่าช่วงเช้าคนจะเยอะไหม คำตอบคือไม่เลย และแล้ว รถก็วนเวียนจนมาจอดที่ป้ายแรกที่ขึ้นกันหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต แบบขับวนเพราะถนนเส้นที่โอ้ทขึ้นมาไม่มีป้ายรถฝั่งตรงข้าม คนขับรถเริ่มทำงาน ตี5 ถึงบ่ายโมงครึ่ง จะวนอยู่ราว 8-10 รอบ
ในหมู่บ้านระหว่างเดินออกไปถนนใหญ่

ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน เดินมาจากหน้าหมู่บ้านนิดหน่อย




อ่อ อีกนิด ได้ข้อมูลมาว่าถ้าซื้อตั๋วรถไฟชนิดที่ใช้กับรถเมล์ได้ด้วยจะประหยัดมากเพราะจ่ายครั้งเดียวนั่งได้ทั้งรถเมล์และรถไฟ จะมีเป็นสัปดาห์ และ เดือน และแล้วภาระกิจวันนี้ก็ผ่านไปด้วยดี กลับถึงบ้านราว บ่ายโมง เตรียมทำกับข้าวได้ ....ไม่อยากอย่างที่คิด ผู้คนก็ใจดี ไม่เหมือนที่เคยได้ยินมา หรืออาจเป็นเพราะเมืองเล็กก็ไม่รู้😺