อ่านประสบการณ์ของหนู (เพื่อนอยู่อลาสก้า) แล้วนึกถึงตัวเอง เอามาเล่าบ้างดีกว่า แต่โอ้ทจะต่างกับหนูตรงที่เมืองนี้เล็ก ผู้คนใจดี ขึ้นรถเมล์ทุกครั้ง ถามคนขับได้ตลอด คนขับก็ใจดี...ยกมาจากบล๊อกโอ้ททั้งบล๊อกเลยก็แล้วกันง่ายดี ใครเคยอ่านแล้วคงจำได้ ใครยังไม่เคยอ่านก็จะได้อ่านใหม่😁
ภาพด้านล่าง ขับรถดูบ้าน ในหมู่บ้านที่อาศัยอยู่
วันนี้ไปลองขึ้นรถเมล์กับนก(เพื่อนที่อยู่ด้วยกัน) สาย 65 เป็นสายที่ผ่านสถานีรถไฟไปฟิลาเดลเฟียที่นกต้องไปโรงเรียน ออกจากบ้านประมาณ 10 โมงเช้า เพราะคิดว่าตอนเช้ารถน่าจะเต็ม ไม่สะดวกแน่ ๆ เดินออกจากหมู่บ้าน อากาศเย็นเล็กน้อย ไปถึงป้ายรถหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต นกถามคนที่ป้ายเพื่อความแน่ใจว่าสาย 65 ไปสถานีรถไฟได้ไหมได้คำตอบมา พร้อมกับค่ารถ 3 เหรียญ แต่คนที่ถามเขาไปสายอื่น มีอีกคนยังอยู่โอ้ทเข้าไปถามเขาว่าเวลาจ่ายเงินหยอดลงกล่องใส่แบงก์ได้ไหม เพราะเหรียญไม่พอ ได้คำตอบมาว่าได้ และแล้วนาทีที่รอคอยก็มาถึง รถมาแล้วจ้า โชคดีจังผู้ชายคนที่ถามเขาเมื่อกี้ไปสายเดียวกัน นกก็บอกไปว่า
"I will follow you" 😊
ศาลารถเมล์ที่สถานีรถไฟแถวบ้าน ตรงที่เพื่อนยืนคือตู้ขายตั๋ว
ภายในรถบริการพาไปสถานีรถไฟอีกที่ ไม่เสียเงินเพิ่ม
ตั๋วรถไฟ
ขึ้นไปเขาจ่ายเงินเสร็จ นกก็จ่ายแบงก์ คนขับคงถามว่าเราจะไปไหน ไม่ทันตอบ ผู้ชายคนที่มาก่อนตอบแทนให้ ว้าว!!!ดีจังเลย บอกคนขับไปว่าแค่อยากสำรวจเส้นทาง และเอาตารางรถไฟ ไม่ได้จะขึ้นรถไฟ
คงเพราะจ่ายไป 6 เหรียญ ได้ตั๋ววันมา สามารถเดินทางได้ถึงเที่ยงคืน รถเมล์สายไหนก็ได้ แต่ถ้าจ่ายเป็นเที่ยว 1.15 ดอลล่าร์ ซึ่งคิดแล้วแพงกว่า ขึ้นไปนั่ง ก็เริ่มสนทนา มีป้าผิวดำอยู่ก่อน ก็คุยกัน สอบถามว่าเราเป็นนักเรียนหรือ เรียนอะไร จำที่อยู่ได้ไหม จะไปไหน.....ฯลฯ ตอบไปว่าจะไปเรียนที่ฟิลาเดลเฟีย เพิ่งมาได้ 2 สัปดาห์ เป็นครั้งแรกที่ขึ้นรถเมล์ ต้องการลองก่อนไปจริง คุณป้า ผู้ชายคนเดิม และคนขับก็น่ารัก ช่วยแนะนำ แถมคนขับให้ตารางเดินรถมาด้วย พอถึงสถานีรถไฟ คนขับจอดแล้วยังบอกให้ผู้ชายคนก่อนลงไปเอาตารางรถไฟให้อีก เรา 2 คนก็เดินตามเขาลงไป โอ้!! ใจดีกันทุกคนเลย ประทับใจมากๆ เพราะตอนแรกคิดว่าผู้ชายคนนี้จะลง แล้วก็กลับขึ้นรถ นั่งไปจนคนลง คนขึ้น จนสุดสาย คุยกับคนขับเล็กน้อย ว่าเคยไปหลายที่แล้ว แต่จำทางไม่ได้ ไม่เคยนั่งรถเมล์ด้วย คนขับบอกว่าไม่ต้องกังวล พวกเราไม่เป็นอะไรแน่ๆ แล้วจะไปลงตรงที่ขึ้นมาใช่ไหม คำตอบคือ ใช่แน่นอนอยู่แล้ว จากนั้นก็มีคนขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เต็ม โอ้ทถามไปว่าช่วงเช้าคนจะเยอะไหม คำตอบคือไม่เลย และแล้ว รถก็วนเวียนจนมาจอดที่ป้ายแรกที่ขึ้นกันหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต แบบขับวนเพราะถนนเส้นที่โอ้ทขึ้นมาไม่มีป้ายรถฝั่งตรงข้าม คนขับรถเริ่มทำงาน ตี5 ถึงบ่ายโมงครึ่ง จะวนอยู่ราว 8-10 รอบ
ในหมู่บ้านระหว่างเดินออกไปถนนใหญ่
ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน เดินมาจากหน้าหมู่บ้านนิดหน่อย
อ่อ อีกนิด ได้ข้อมูลมาว่าถ้าซื้อตั๋วรถไฟชนิดที่ใช้กับรถเมล์ได้ด้วยจะประหยัดมากเพราะจ่ายครั้งเดียวนั่งได้ทั้งรถเมล์และรถไฟ จะมีเป็นสัปดาห์ และ เดือน และแล้วภาระกิจวันนี้ก็ผ่านไปด้วยดี กลับถึงบ้านราว บ่ายโมง เตรียมทำกับข้าวได้ ....ไม่อยากอย่างที่คิด ผู้คนก็ใจดี ไม่เหมือนที่เคยได้ยินมา หรืออาจเป็นเพราะเมืองเล็กก็ไม่รู้😺
แถวนั้นมีคนบ้าเป็นผู้โดยสารขึ้นรถเมล์บ้างป่าว แถวๆSalt Lake City,Ut โดยเฉพาะในตัวเมืองทั้งคนบ้าและคนสาระพัดแบบน่ากลัว ตรึมเลย!!!!! และนี่คือประสบการณ์นั่งรถเมล์มาประมาณ2ปีเต็มๆจากปี2004ถึง2006 จากนั้นพอได้บัตรเขียวก็เริ่มเรียนขับรถทันที สาเหตุที่รอจนถึง2ปีเพราะวีซ่าแต่งงานจากเมืองไทยต้องรอจนได้บัตรเขียวก่อน (เสียเงินน้อยหน่อย)
ReplyDeleteมดพี่นั่งรถเมล์ไม่กี่ครั้งแต่ก็เจอคนบ้า(มั้ง) น่ากลัวๆๆๆ พี่จดทะเบียนมาจากไทยเหมือนกันแต่รอที่ไทยปีครึ่ง ได้สัมภาษณ์ตอนครบสองปีพอดี มานี้ได้ 10 ปีเลย เดือนเดียวได้กรีนการ์ดพี่ก็ทำใบขับขี่แล้ว ได้ใบขับขี่เมื่อมกราคมปี 2009 (มามิ.ย 2008) ก็ไม่เคยนั่งรถเมล์อีกเลย
ReplyDelete