Life is short then do what brings happiness to life.ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุข ก็ทำไป

เรื่องราวที่เขียนในบล๊อกเป็นประสบการณ์ และชิวิตประจำวันของโอ้ทเอง เขียนไว้เป็นบันทึก เก็บไว้อ่านย้อนหลังเมื่อวันเวลาผ่านไป ซึ่งเอากลับมาไม่ได้ หากสิ่งที่เขียนเป็นประโยชน์กับบางคน หรือหลายคนด้วยก็ดีใจ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ

Saturday, December 11, 2010

กล้อง

วันนี้อยากคุยเรื่องกล้อง เพราะล่าสุดได้กล้องใหม่ ไฮโซสุดๆๆ ในยุคนี้มาแล้ว ตอนนี้ก็มีหน้าที่ทำความรู้จักกล้อง และฝึกถ่ายให้ได้ภาพตามต้องการให้ได้ เหมือนกับที่ฝิกวิทยายุทธกับกล้องคอมแพค มาปีเต็มๆๆ..

ย้อนหลังไปหลายปี (สิบปีกว่าว่าได้) ชอบถ่ายรูปตั้งแต่สมัยกล้องฟิล์ม แต่ไม่มีกล้องเป็นของตัวเอง เป็นกล้องของ พ่อ แม่ สมัยนั้นกล้องถ่ายรูปก็แพง ฟิล์มก็แพง ค่าล้างก็แพง ทุกอย่างแพงๆๆๆ ต่อจากยุคนั้นเท่าที่จำได้แล้วเป็นช่วงมือถือติดกล้องเข้าประเทศไทย ตัวเองก็มีใช้เหมือนกันไม่ตกสมัย (มือถือต้องใช้ทำงาน ถ้าซื้อกล้องก็ทำงานไม่ได้อีกเป็นพนักงานขายอะจ้า)...เพราะชอบถ่ายรูปแต่ไม่มีกล้อง รายได้น้อยไม่มีปัญญาซื้อกล้องมาใช้หรอก แม้จะเป็นกล้องตัวน้อยๆๆก็เถอะ กระทั่งเวลาล่วงมากี่ปีไม่ได้จำราวๆ ปี ไม่แน่ใจ มีผู้หนับหนุนต่างชาติได้ออกทุนซื้อกล้องตัวแรกให้ ตอนนั้นเกรงใจน่ะอยากได้ตัวใหญ่แต่ฉนวนราคาแพงมากๆ เลยเอาพอสมควร ยุคนั้นกล้องดิจิตอลเพิ่งเข้าประเทศไทย ตัวเล็กธรรมดาก็ปาไปหลักหมื่นเหมือนกัน ไม่เหมือนสมัยนี่ไม่กี่พันก็ซื้อได้ ตอนเรียนจบพาณิชย์ เป็นปีแรกที่เทคนิคกรุงเทพ เปิดสาขาช่างภาพอยากสมัครสอบมาก แต่กลัวสอบได้แล้วแม่ส่งไม่ไหว เพราะได้ยินมาว่าต้องใช้เงินเยอะ ไหนจะซื้อกล้อง ไหนจะค่าฟิล์มที่ถ่ายแล้วทิ้ง เพราะกล้องดิจิตอลยังไม่เข้า เลยไม่สมัคร...(ฮ่าฮ่า มั่นใจว่าจะสอบได้)

กล้องดิจิตอลของโอ้ทตัวแรก ราคาตอนนั้น 9500 บาท ขอบคุณผู้หนับหนุนคนนั้น แต่ด้วยไม่มีความรู้การถ่ายภาพ ภาพทุกภาพออกมาเน้นขาวเข้าไว้ คนแจ่มๆๆ พื้นหลังไม่ใส่ใจ เทียบกับทุกวันนี้ ภาพไม่ได้เรื่องเลย

กล้องตัวที่สอง หลังจากใช้ตัวแรกได้ประมาณสองปี ก็มีอาการเดี้ยง เอาไปซ่อม เปลี่ยนอะไหล่ แล้วให้เพื่อนโดยเพื่อนจ่ายราคาเท่าค่าซ่อมมา ตัวนี้มิสเตอร์เป็นผู้หนับนุนจ่ายทุนให้ เพราะตอนนั้นใช้เงินของมิสเตอร์อยู่เพราะตกงานแล้วก๊าบๆๆๆๆ ราคาถ้าจำไม่ผิดถูกกว่าตัวแรก ประมาณ 7-8 พันบาท ไม่แน่ใจ ก่อนซื้อถามมิสเตอร์ว่าจะซื้อยี่ห้ออะไรดี ได้คำแนะนำว่าโกดักเพราะมิสเตอร์ใช้อยู่คุณภาพดี จึงตัดสินใจถอยตัวนี้มา ตัวนี้ใช้อยู่ราวๆสามปี เพราะหอบหิ้วมาเมกาด้วย แล้วมาเดี้ยงตอนไปบ้านแม่ย่าที่นอร์ธดาโกต้า ตั้งขาแล้วล้มทิ่มลงหิมะ ยังไม่หนำใจ มาคว่ำในบ้านอีกรอบ สุดท้ายเลนส์เอ๋อเลย ยื่นออกมาแล้วไม่หด กลับมาบ้านเดลาแวร์ มิสเตอร์พาไปถอยตัวใหม่ด่วนๆๆ เพราะโอ้ทขาดกล้องแล้ว จะลงแดง (เป็นเอามาก) ก็ยังไม่รู้วิธีถ่ายภาพที่ถูกต้องอยู่ดี เน้นขาวๆๆๆ กับคนอย่างเท่านั้น


กล้องตัวที่สาม นิกอนคูลพิก L18($79) ดูสภาพก็แล้วกัน นึกว่าตัวเองเป็นช่างซะงั้น ตัวนี้ใช้ได้ไม่ถึงหกเดือนด้วยซ้ำ เพราะเอานิ้วไปเช็ดเลนส์อันบอบบ้าง เลนส์ค้างหดแล้วไม่ยื่นออกมา ตรงข้ามกับตัวที่สอง เมื่อกล้องตัวนี้เจ้ง เป็นช่วงเดียวกับกระแส slr มาแรง และเริ่มรู้วิธีถ่ายภาพบ้าง แต่ยังไม่เข้าใจ ทำให้อยากได้กล้องตัวใหญ่ไฮโซมาใช้ มสเตอร์บอกว่าต้องรอไปก่อน สองสามเดือน รอได้ๆๆๆ ไม่มีกล้องใช้อยู่ประมาณหนึ่งเดือน...


กล้องตัวที่สี่ (ทั้งหมดในภาพ $499)....ที่บอกว่าไม่มีกล้องใช้อยู่ประมาณหนึ่งเดือน เพราะมีเซอร์ไพรส์วันเกิด ได้กล้องคอมแพค ตัวเก่งเป็นของขวัญ โดยการร่วมทุนสี่คน นกกับเดวิท มิสเตอร์และบิ๋ม ไม่คิดว่าจะได้กล้องใหม่ ตกใจ และ ดีใจจนปล่อยโหออกมาเลย กล้องตัวนี้เป็นตัวที่ใช้ฝึกวิทยายุทธ จนรู้สึกว่ากล้องทำงานได้ไม่เท่าที่ต้องการแล้ว ตัดสินใจถอยตัวใหม่ไฮโซ


กล้องตัวที่ห้า ($270)..อยู่ด้วยกันเพียงสัปดาห์เดียว ย้ายไปอยู่กับเจ้าของใหม่...ไม่ใช่อะไร อยากประหยัดซื้อมือสอง ในอีเบย์ เพราะเป็น slr ตัวแรก หาข้อมูลอยู่หลายเดือน แล้วมาหาอย่างบ้าคลั่งช่วงสองเดือนก่อนตัดสินใจ ว่ารุ่นไหนมีคุณสมบัติตามที่ตัวเองอยากได้ ปรากฎว่าไม่รู้ เจ้า D60 กะ 60D คนละรุ่น สั่งมาแล้วใช้ไม่ได้ ภาพถ่ายออกมาเบลอร์ทั้งหมด กล้องอยู่ในระดับมืออาชีพ ใช้อยากกว่าตัวที่ซื้อใหม่ สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้ไปอยู่บ้านที่เหมาะสม โดยซื้อสายยูเอสบีเพิ่มให้คนซื้อ และไม่คิดค่าส่ง ขายในราคา $250 ในอีเบย์ ดีใจมากเพราะลงไปได้สองวันเท่านั้นก็มีคนมาซื้อ



กล้องตัวที่หก (ล่าสุด) เป็น slr ตัวที่สองที่ซื้อ แต่ถือเป็นslr ตัวแรกที่ใช้ ที่ว่าตัวแรกซื้อผิดเพราะคิดว่าเป็นตัวนี้60D รู้เมื่อกล้องมาถึงว่าไม่ใช่เพราะตัวนี้จอ LCD หมุนได้ แต่ตัวD60หมุนไม่ได้ ต่อรองมิสเตอร์ว่าถ้าขายตัวซื้อผิดได้จะซื้อให้ใหม่ไหม โดนดุเสียงเข้มให้ซื้อของใหม่ มือสองไม่เอา แล้วต้องให้ดูก่อนตัดสินใจด้วย เมื่อนำเหนอและตัดสินใจ พร้อมอนุมัติซื้อแล้วก็จัดแจงติดต่อคนขายในอีเบย์ ต่อรองราคา โดยคนขายฝากเบอร์โทรเอาไว้ ขอลดราคาไม่ได้ ขอเลนส์เพิ่มไม่ได้ ขอรีโมทไม่มีขาย สุดท้ายได้ถ่านสำรองมาหนึ่งก้อน และยังซื้อประกันอุบัติเหตุเพิ่มด้วยสามปี กรณีตกพื้น ตกน้ำ เคลมได้เลย ในแพคเกจมีประกันแคนอน หนึ่งปีรวมอยู่แต่ไม่มีประกันอุบัติเหตุ สรุปว่าจ่ายไปแพงทีเดียว เบ็ดเสร็จ $1499.98 ได้ของภายในสองวัน




มิสเตอร์อนุมัติซื้อกล้องใหม่ไฮโซตั้งแต่เมษายนปีนี้(2553) แต่ตั้งใจว่าจะรอเมษายนปีหน้า แต่ช่วงปลายปีราคาลด ของแถมเยอะ จึงตัดสินใจไม่รอแล้ววววววววววว เพราะยิ่งดูยิ่งเกิดกิเลส ตอนนี้ได้สมใจ ต้องหัดใช้และศึกษาให้สมกับราคาและคุณสมบัติของกล้องให้ได้ ไปไหนก็จะหอบหิ้วไป สองตัว บางครั้ง สามตัว และขาตั้งกล้องอีกสองอัน ตัวใหญ่กะตัวเล็ก เป็นบ้าหอบไปเลย


ตัวที่หอบหิ้วไปด้วยเป็นกล้องตัวเก่า ตัวเก่งของมิสเตอร์ แต่มิสเตอร์ไม่เคยจับกล้องอีกเลยตั้งแต่โอ้ทมา เพราะบ้าหนัก ถ่ายทุกสิ่งที่ขวางหน้า



อุปกรณ์ซื้อแยก

แฟลชตัวนี้ได้มาจากเอาตัวที่มาพร้อมกับกล้องตัวที่สี่ เนื่องด้วยตัวที่ได้มาก่อนหน้าไม่ทำงานหมวด M แล้วโอ้ทใช้หมวด M ถ่ายรูป เป็นอันต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่ม ได้ตัวนี้มา ดีที่ใช้กับกล้องไฮโซ slr ได้ ไม่ต้องซื้อใหม่ ราคาเต็มน่าจะราว$200 จ่ายเพิ่มไป $80 แต่หลายเดือนแล้วก่อนจะซื้อกล้องไฮโซ


คอนเวิร์ตเตอร์ หรือ คอนเวอร์ชั่น เลนส์ ไม่แน่ใจว่าเรียกอะไรแน่ ยังศึกษาไม่ถี่ถ้วน รู้จักด้วยความบังเอิญ หากล้องในอีเบย์แล้วเจอเจ้านี้ สนใจทันที เพราะเป็นเลนส์กว้าง มาโคร จัดการสอยมาใช้ซะ แล้วใช้อย่างหนุกหนานทีเดียว ใช้กับแคนอน SX20 IS กล้องตัวที่สี่


ชุดนี้เป็นชุดเลนส์กว้าง มาโคร และเทเลโฟโต้ สั่งมาซ้ำกันซะงั้น เพราะไม่รู้อีกว่าเหมือนกัน มือใหม่ก็แบบนี้ล่ะ ส่งไปให้เพื่อนที่ใช้กล้องตะกูลเดียวกัน สำหรับแคนอน SX20 IS เพื่อนใช้ แคนอน S5 IS
จบข่าว

No comments:

Post a Comment

ขอบคุณมิตรภาพ และความคิดถึงที่เอามาฝากไว้ที่นี่ค่ะ

Thank you for visiting.