"พี่ค่ะสมัครฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียมค่ะ" เป็นคำพูดจากปากป้าเมื่อครั้งหนึ่งเหมือนกันนะจะบอกให้
หลายคนถูกอกถูกใจเพลิดเพลินกับการจับจ่ายด้วยบัตรพลาสติก รู้ด ปรี้ดดดดดดดดดดดดด แต่เมื่อกำหนดชำระมาถึง เห็นใบแจ้งหนี้แต่ละครั้งหน้าบานๆ ซีดเผือดปานไก่ต้มจิ้มน้ำปลาเชียว...(อร่อยเลย)
วันนี้ป้ามาเล่าในสิ่งที่ป้าสัมผัส ในบ้านเมืองที่ป้าอยู่สู่กัน
การจับจ่ายของผู้คนที่นี่ที่ป้าเห็นและรู้ประกอบด้วย
1. เงินสด
2. เช็ค
3. บัตรพลาสติก : บัตรเดบิต บัตรเดบิต
4. มันนี่ออเดอร์ ภาษาไทยเรียกว่าตั๋วแลกเงินหรือเปล่า ป้าไม่แน่ใจ
และยังมีอีกจ่ายเมื่อซื้อสินค้า-บริการออนไลน์ เช่น เพพาล
ป้าจะมาเล่าถึงบัตรเครดิตของที่นี่ว่า เป็นการใช้บัตรพลาสติกที่เทียบเท่าตัวเงินกันทีเดียว จ่าย 1 ดอลล่าร์ก็ได้ ทุกร้านจะต้องมีเครื่องรับชำระด้วยบัตรเครดิต คือถ้าจะให้เปรียบเพื่อง่ายในการมองเห็นภาพ คือมีเกลื่อนกลาดเหมือนใบไม้ในสนามเลยก็ว่าได้ ในซุปเปอร์มาร์เก๊ตทุกช่อง จะเห็นเครื่องอ่านบัตรเครดิตอยู่ด้านข้างทุกช่อง จะไม่ซ่อนไว้บนโต๊ะพนักงานเก็บเงิน หรือ วางแอบไว้ข้างเครื่องคิดเงิน ป้ายังไม่เคยเห็นร้านไหนที่ป้าใช้บริการไม่มี การจับจ่ายด้วยบัตรเครดิตพลาสติกของที่นี่เจ้าของบัตรจะเป็นคนรู้ดบัตรที่เครื่องชำระด้วยตัวเอง กดรหัสเอง ยืนยันยอดที่จ่ายเอง จนถึงการเซ็นชื่อ พนักงานรับเงิน/แคชเชียร์จะมีหน้าที่พิมพ์ใบเสร็จยื่นให้เท่านั้น มีเพียงไม่กี่ร้านที่พนักงานเป็นคนรับบัตรพลาสติกไปรู้ด แต่จะเห็นกันตรงเคาน์เตอร์
การใช้บัตรเครดิตของคนที่นี่ ป้าคิดว่าเขาใช้เพราะสะดวก ไม่ต้องพกเงินกันจำนวนมาก ป้าเองในกระเป๋ามีเงินสดไม่เยอะ บางวันมีไม่ถึง 10 ดอลล่าร์ด้วยซ้ำ (มิสเตอร์ไม่ให้เงินสดป้าใช้ แต่ทำบัตรพลาสติกให้ป้าไว้จับจ่าย ส่วนตัวหนี่งใบ ซื้อกับข้าวหนึ่งใบ และป้าไม่เคยเห็นใบแจ้งหนี้สักครั้ง มิสเตอร์เช็คออนไลน์ ป้าทำงานพาร์ทไทม์นิดๆ หน่อยๆ หาเงินสดใช้เอง) วันไหนมีเงินถึงหนี่งร้อย วันนั้นเสียวโดนปล้น...^_^ จำได้ว่าวันหนึ่งเห็นเพื่อนนักเรียนไทยเพิ่งมาได้ไม่กี่วันยังไม่มีบัตรอะไรสักใบ ควักเงินสดออกมาเป็นปีก โอโห! ป้าตกใจเห็นแล้วหวาดเสียว
คนที่นี่เขาจะใช้จ่ายกันเท่าไร เมื่อถึงกำหนดชำระส่วนใหญ่เขาชำระเต็มจำนวน เช่นมิสเตอร์เป็นต้น แต่ป้ามั่นใจว่ายังมีกลุ่มคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตเหมือนกันเพราะเห็นโฆษณาในทีวี มีบริษัทปลดหนี้ ชำระหนี้บัตรเครติด ยังมีอยู่
และบัตรเดบิตก็เป็นอีกใบที่นิยมจับจ่าย แต่จากประสบการณ์ของป้าเองอย่าประมาทว่าบัตรเดบิตจะไม่เป็นหนี้เพราะมั่นใจว่ามีเงินในบัญชี แต่ที่นี่ไม่มีเงินในบัญชีก็จ่ายได้ เพราะธนาคารจะตั้งยอดสำรองจ่ายให้ไปก่อนโดยที่เรา(ป้า) ไม่รู้ คิดว่าตราบที่ยังจ่ายได้แสดงว่ายังมีเงินในบัญชี เหมือนระบบของไทย เพราะถ้าเงินไม่มีบัตรเดบิทจะไม่จ่าย ทีนี่ป้าโดนมาแล้ว ใช้หนี้ที่จ่ายเกินบวกดอกเบี้ยด้วย ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวก็ไม่มีเรื่องมาเล่า
จ่ายด้วยบัตรเดบิตสามารถรับเงินสดได้ตอนทอนเงินด้วยนะ ที่ไทยมีหรือเปล่าระบบนี้ป้าไม่รู้ วิธีคือเวลารู้ดบัตรเครดิตที่เครื่องชำระ เครื่องจะถามว่าต้องการเงินคืนไหม ต้องการเท่าไร เราก็กดไป เงินจะออกมาตามนั้น แต่บัตรเครดิตทำไม่ได้
หลายๆคน โดยเฉพาะคนสูงวัยจะพกสมุดเช็คติดตัวกัน เพราะคนเหล่านี้ไม่คุ้นเคยกับการใช้บัตรพลาสติก ป้าเห็นด้วยสองตา ได้ยินด้วยสองหูอีกเช่นกัน คุณยายสูงวัยท่านช้อปปิ้ง และจ่ายด้วยบัตรเครดิต แต่ท่านไม่รู้ว่าต้องรู้ดยังไง ด้านไหนของบัตร ต้องกดอะไรบ้าง พนักงานช่วยท่านตั้งแต่รู้ดจนเสร็จ หากใครชำระด้วยเช็คก็หยิบมาเขียนกันตรงนั้น แต่ป้าไม่รู้ว่าหากเกิดอาการเช็คติดสปริงนี้จะต้องทำอย่างไรกันนะ
มีเงินสดจับจ่ายสบายที่สุดแต่ผู้คนที่นี่ไม่นิยมพกเงินกันเยอะๆน่ะซิ
อ่อ แล้วที่นี่อีกอย่างหนึ่ง การทำนิติกรรมซื้อทรัพย์สิน เงินผ่อน ผู้ซื้อไม่ใช่ว่าจะซื้อได้ทุกคนแม้จะมีเงินก็ตาม แต่เครดิตของคนๆนั้นต้องดี ป้าไม่รู้ข้อมูลเรื่องเครดิตนะ เพราะป้าไม่คิดว่าตัวเองมี คือทุกคนต้องสร้างเครดิตให้ตัวเอง ที่ป้าได้ยินมาเครดิตเกิดจากการใช้จ่ายจากบัตรเครดิตด้วยถ้าไม่มีประวัติวงเงินการใช้จ่ายจะปรับขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็คือเครดิตของคนนั้นก็จะเพิ่มขึ้น เป็นตัวเลขประหนึ่งการสอบโทเฟิ่ลนั่นแหละ กี่ร้อยก็ว่ากันไป เมื่อจะซื้อสินค้าเงินผ่อนหากเครดิตไม่มากพอผู้ขายก็ไม่ให้เราผ่อน ป้าไม่มีประสบการณ์
และของขวัญที่สะดวก เป็นที่นิยมอีกอย่างก็คือบัตรของขวัญเพราะบัตรเหล่านั้นคือบัตรพลาสติกที่นำไปรู้ดปรื้ดดดดดดดด เหมือนกัน ตามมูลค่าในบัตรนั้นๆ เมื่อคริสมาสต์ที่ผ่านมา มิสเตอร์กับป้าได้บัตรของขวัญร้านอาหารมาหลายใบเชียวล่ะ แต่ไปกินกันทุกครั้ง เกินทุกครั้ง ^_^
เป็นข้อมูลคร่าวๆ จากที่ป้าสัมผัสนะ ใครมีประสบการณ์ ข้อมูลเพิ่มเติมจัดได้จัดเลยค่ะ
No comments:
Post a Comment
ขอบคุณมิตรภาพ และความคิดถึงที่เอามาฝากไว้ที่นี่ค่ะ
Thank you for visiting.