Life is short then do what brings happiness to life.ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุข ก็ทำไป

เรื่องราวที่เขียนในบล๊อกเป็นประสบการณ์ และชิวิตประจำวันของโอ้ทเอง เขียนไว้เป็นบันทึก เก็บไว้อ่านย้อนหลังเมื่อวันเวลาผ่านไป ซึ่งเอากลับมาไม่ได้ หากสิ่งที่เขียนเป็นประโยชน์กับบางคน หรือหลายคนด้วยก็ดีใจ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ

Thursday, April 25, 2013

โลกของป้าโอ้ท...ถึงชาวทอฝัน

ชี้แจงให้เข้าใจในทางเดียวกันนะก๊าบบบบบบบ

 ป้าโอ้ทเข้ามาเป็นส่วนน้อยของ"ทอฝัน" ด้วยเหตุผลแรก "เขียนบล๊อกแล้วได้ตังค์" แต่ป้าไม่ได้หวังจะได้ตัวเงินเป็นกอบเป็นกำ เพราะ เหตุผลต่อมาเป็้นสิ่งที่ป้าต้องการมากกว่า "รู้จักเพื่อนใหม่" และอีกเหตุผล " บล๊อกของป้ามีคนอ่าน" ป้าไม่ได้หวังว่าจะมีคนอ่านมาก หรือ น้อย แต่มีอ่านก็ดีใจแล้ว ที่เขียนไว้ป้ามั่นใจว่ามีคนอ่าน อ่านกันเงียบๆ

ป้าโอ้ทไม่เป็นคนหูตากว้างไกลด้วยเหตุผลหลัก คือ ป้าไม่ชอบดู ไม่ฟัง ไม่ติดตาม ข่าวสาร สารคดี ยกเว้นข่าวดังโป้งป้าง ณ ขณะนั้น จะได้รับข่าวจากสังคมออนไลน์ก่อนเป็นส่วนใหญ่แล้วจากนั้นติดตามต่อ
 
ป้าไม่ขวนขวายในสิ่งที่ตัวเองไม่สนใจ ไม่ดิ้นรน เพราะไม่มีเหตุให้ต้องดิ้นรน มีอะไรอยู่แล้วก็แล้ว ยกตัวอย่าง เรื่องทีวีที่ป้าเขียนไปแล้ว ป้าเล่าเท่าที่ป้ารู้ ป้าเห็น และ สัมผัส ซึ่งถ้าคนที่มีข้อมูลมากๆ ข้อมูลจริงๆ เขาคงให้รายละเอียดได้เยอะ และวิชาการมากกว่ามาก

เมื่อไปสถานที่ต่างๆ ป้าไม่อ่านประวัติ ไม่อ่านป้าย ป้าเพลิดเพลิน สบายใจ ถ่ายรูป ชมนก ชมไม้ ไปตามประสา คนไม่ขวนขวาย อยากรู้แต่ไม่อยากอ่าน ถ้าสนใจตรงไหนจะถามคนที่อ่าน

ป้าชอบเที่ยว แต่ไม่ชอบเป็นคนจัดการ ชอบเป็นผู้ตามสบายดี ไปไหนๆ ขับรถไปง่ายที่สุดสำหรับป้า แต่ถ้าป้าได้สักนิดเหมือนเพื่อนนักศีกษา ปริญญาเอก คนนี้ที่ป้ารู้จักจะสนุกมาก เพื่อนป้าคนนี้มักจะหาข้อมูลการเดินทาง ทางรถประจำทาง รถไฟ แม้กระทั่งรถบริการรับ-ส่ง สนามบิน ป้ารู้ว่ามีจากเพื่อนคนนี้ล่ะ เดินทางด้วยรถสาธารณะได้ความสนุกที่ต่างจากขับรถไปแน่ๆ ได้เดินผ่านสถานที่ ผ่านอาคาร ตีก ได้เห็นคน เห็นร้านค้า ลฯ ได้ถ่ายรูปสนุกเชียว และไม่ต้องเหนื่อยขับรถไกลด้วย

เกริ่นมาเท่านี้พอประมาณ สรุปว่า สิ่งที่ป้าเล่าสู่กัน เป็นเพียงข้อมูลกระจ่อยร่อยที่ใครๆที่นี่รู้ทั่วไป และหลายๆคนรู้ข้อมูลมากกว่า ป้าเล่าเป็นเพียงในสิ่งที่ป้าเห็นด้วยตา รู้สีกและสัมผัสเพียงเสี้ยวเล็กๆ  ที่ป้าพอใจเท่านี้

ตอนนี้เป็นที่เข้าใจกันแล้วนะ โลกของป้าโอ้ท มีแต่สนามหญ้าหน้าบ้านเท่านั้น ยังไปไม่ถึงหน้าปากซอย...^_^

ภาพนี้อยู่ทีนี่ได้ 18 วัน
https://pwmrua.sn2.livefilestore.com/y1pt13IfSEHrMjWZ51HiduQpxQ8PL9SYvl4eUa0Lsn2CWREjOsMg1Sd5I1JyjzM_eluk6bfNitd_g1WZiyBJNUW9vfzc2kWc8Va/%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%20%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%97.jpg?psid=1

ดูทีวี...ช่องไหนล่ะ?

อย่าถามป้า เพราะป้าจำไม่ได้ !@!


หลายคนคงจะคิดว่า" ป้าโอ้ทนี่โง่ขนาดนี้เชียวเหรอ แค่ทีวีไม่กี่ช่องนี่นะ จำไม่ได้"

ถ้าทีวีไทย บอกตามตรงนะคะ ป้าจำได้แค่ช่องกับเรื่องที่ป้าติดตาม จำวันฉายยังไม่แม่นเลย ใช้วิธีเปลียนช่องไป-มา และให้เพื่อนช่วยเตือน จริงๆนะคะ เพราะป้าทำแต่งาน งาน งาน และ ติดอยู่กับอินเตอร์เนต สมัยนั้นป้าติดแชท  มีอยู่วันหนึ่งขณะขับรถกลับบ้านเพื่อนสนิทโทรมาบอก" แกวันนี้ละครโปรดแกอวสานนะ กลับบ้านทันไหม"

ทีวีบ้านมิสเตอร์นะ แรกๆป้าจำไม่ได้เลยสักช่อง ก็มีตั้ง หกร้อยกว่าช่องแน่ะ และไม่รู้ระบบของที่นี่ด้วยว่าเป็นอย่างไร  อยู่นานเข้าเริ่มจำได้เฉพาะช่องรายการที่ตัวเองชอบ แต่ยังคงจำเวลา และ วันฉายไม่ได้ ป้าจะเปิดตอนที่ป้าดูนั่นแหละ เพราะแต่ละช่องจะเป็นรายการผู้จัดเดียวกัน เช่นช่องที่ป้าชอบดูเป็นช่องของ HGTV เกี่ยวกับบ้าน ซ่อมบ้าน หาบ้านเช่า หาบ้านขาย ให้ลูกค้า ทั้งในอเมริกา และต่างประเทศ และช่องหนัง สองชั่วโมงจบ จำได้อีกหนึ่งช่อง ที่เหลือไม่รู้แล้ว ใช้วิธีเปิดไล่ดูรายการเอง ถ้าชอบก็ดูไม่ชอบก็เปิดไปเรื่อยๆ  แต่ส่วนใหญ่ป้าจะดูรายการตามมิสเตอร์ล่ะ...

มีเรื่องทำให้ป้าสงสัย...เอ๊ะ! ทำไมรายการเดียวกันมิสเตอร์ดูครั้งเดียวต่อเนื่องกันได้หลายตอนล่ะ? มารู้ทีหลังว่า รายการที่ฉายเวลามิสเตอร์นอน ไปทำงาน หรือ ตรงกับรายการอื่นคนละช่องมิสเตอร์จะอัดไว้ดู ในรายการที่อัดไว้มีร่วมสิบรายการได้มั้ง  ที่ไทยปัจจุบันคงมีระบบอัดไว้ดูล่วงหน้าแบบนี้แล้วมั้งเน่อะ

มาถึงเรื่องค่ายบริการทีวี จะมีหลายค่าย รายการเดียวกันที่ฉายแต่ละค่ายคนละช่อง ทั้งที่เป็นรายการเดียวกัน เช่น บ้านป้าใช้บริการค่ายสมบัติ เพื่อนใช้บริการค่ายสมชาย  คุยกันถึงรายการตีสิบ หากคนใดคนหนึ่งไม่เคยดูแล้วอยากดูล่ะก็บอกเลขช่องกันไม่ได้เพราะคนละช่อง ที่อ้างอิงได้คือผู้จัดรายการนั้นๆ เช่น ช่องของLMN แล้วไปหาของตัวเอง เป็นต้น ส่วนจำนวนช่องที่ดูได้ก็เหมือนกับระบบดาวเทียมที่ไทยนั่นแหละ เลือกว่าต้องการดูรายการอะไร แบบไหนบ้างก็จะได้กลุ่มช่องรายการเหล่านั้นมา

ป้าไม่รู้ค่ายอื่นเป็นอย่างไรนะ ที่วีทีบ้านป้าจะมีโหมดให้เลือกถ้าไม่อยากไล่ตามช่องทั้งหมด เลือกไปว่าจะดูช่องท้องถิ่น  ช่องหนัง ช่องเพลง ช่องศาสนา ช่องรายการเด็ก ช่องขายสินค้า อะไรก็เลือกไปตามชอบ และมีสองภาษา อังกฤษกับสเปน

รายการที่ฉายเป็นตอน หากปริมาณคนดู(ฮิต) น้อย ป้าไม่รู้ว่าเท่าไรนะ คนทีวีคงมีมาตรฐานไว้ล่ะ คือถ้าฮิตน้อยวันดีคืนดีรายการนั้นก็ไม่มีฉายอีก ป้าล่ะ งง! ยกตัวอย่าง ที่ป้าชอบ "ครูโซ Crusoe" ฉายอยู่ไม่ถึงสิบครั้งดีงออกไปแล้ว ถ้าละครไทยคนดูน้อย ฮิตน้อยก็จัดให้จบเร็วขึ้นเน่อะ

คราวนี้วันดีคืนดีระบบมีปัญหา แจ้งซ่อม ถ้าช่างมาเสียค่าช่างแพง เท่าไรป้าไม่รู้เพราะมิสเตอร์จะจัดการเองทุกครั้ง ทางบริษัทส่งอุปกรณ์มาให้ แล้วแนะนำกันทางโทรศัพท์ ยกเว้นแก้ไขแล้วไม่สำเร็จก็ต้องยอมเสียค่าช่างมาที่บ้าน

แต่สิ่งที่ป้าชอบมากๆ คือมีหนังซื้อดูจากทีวีที่บ้านได้ นอนดู สบายๆ มีทั้งใหม่ และ ใหม่กว่า บางเรื่องเพิ่งออกจากโรงเพราะไม่นิยม คนไม่ดูเยอะจะออกจากโรงเร็ว ป้าก็รอซื้อดูจากทีวี...ลา ล้า


Monday, April 22, 2013

รูดปรี้ดดดดดดดดดดดดดด

"พี่ค่ะสมัครฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียมค่ะ" เป็นคำพูดจากปากป้าเมื่อครั้งหนึ่งเหมือนกันนะจะบอกให้

หลายคนถูกอกถูกใจเพลิดเพลินกับการจับจ่ายด้วยบัตรพลาสติก รู้ด ปรี้ดดดดดดดดดดดดด แต่เมื่อกำหนดชำระมาถึง เห็นใบแจ้งหนี้แต่ละครั้งหน้าบานๆ ซีดเผือดปานไก่ต้มจิ้มน้ำปลาเชียว...(อร่อยเลย)

วันนี้ป้ามาเล่าในสิ่งที่ป้าสัมผัส ในบ้านเมืองที่ป้าอยู่สู่กัน 


การจับจ่ายของผู้คนที่นี่ที่ป้าเห็นและรู้ประกอบด้วย
1. เงินสด
2. เช็ค
3. บัตรพลาสติก : บัตรเดบิต บัตรเดบิต
4. มันนี่ออเดอร์ ภาษาไทยเรียกว่าตั๋วแลกเงินหรือเปล่า ป้าไม่แน่ใจ

และยังมีอีกจ่ายเมื่อซื้อสินค้า-บริการออนไลน์ เช่น เพพาล

ป้าจะมาเล่าถึงบัตรเครดิตของที่นี่ว่า เป็นการใช้บัตรพลาสติกที่เทียบเท่าตัวเงินกันทีเดียว จ่าย 1 ดอลล่าร์ก็ได้ ทุกร้านจะต้องมีเครื่องรับชำระด้วยบัตรเครดิต คือถ้าจะให้เปรียบเพื่อง่ายในการมองเห็นภาพ คือมีเกลื่อนกลาดเหมือนใบไม้ในสนามเลยก็ว่าได้ ในซุปเปอร์มาร์เก๊ตทุกช่อง จะเห็นเครื่องอ่านบัตรเครดิตอยู่ด้านข้างทุกช่อง จะไม่ซ่อนไว้บนโต๊ะพนักงานเก็บเงิน หรือ วางแอบไว้ข้างเครื่องคิดเงิน  ป้ายังไม่เคยเห็นร้านไหนที่ป้าใช้บริการไม่มี การจับจ่ายด้วยบัตรเครดิตพลาสติกของที่นี่เจ้าของบัตรจะเป็นคนรู้ดบัตรที่เครื่องชำระด้วยตัวเอง กดรหัสเอง ยืนยันยอดที่จ่ายเอง จนถึงการเซ็นชื่อ พนักงานรับเงิน/แคชเชียร์จะมีหน้าที่พิมพ์ใบเสร็จยื่นให้เท่านั้น มีเพียงไม่กี่ร้านที่พนักงานเป็นคนรับบัตรพลาสติกไปรู้ด แต่จะเห็นกันตรงเคาน์เตอร์

การใช้บัตรเครดิตของคนที่นี่ ป้าคิดว่าเขาใช้เพราะสะดวก ไม่ต้องพกเงินกันจำนวนมาก ป้าเองในกระเป๋ามีเงินสดไม่เยอะ บางวันมีไม่ถึง 10 ดอลล่าร์ด้วยซ้ำ (มิสเตอร์ไม่ให้เงินสดป้าใช้ แต่ทำบัตรพลาสติกให้ป้าไว้จับจ่าย ส่วนตัวหนี่งใบ ซื้อกับข้าวหนึ่งใบ และป้าไม่เคยเห็นใบแจ้งหนี้สักครั้ง มิสเตอร์เช็คออนไลน์ ป้าทำงานพาร์ทไทม์นิดๆ หน่อยๆ หาเงินสดใช้เอง) วันไหนมีเงินถึงหนี่งร้อย วันนั้นเสียวโดนปล้น...^_^ จำได้ว่าวันหนึ่งเห็นเพื่อนนักเรียนไทยเพิ่งมาได้ไม่กี่วันยังไม่มีบัตรอะไรสักใบ ควักเงินสดออกมาเป็นปีก โอโห! ป้าตกใจเห็นแล้วหวาดเสียว

คนที่นี่เขาจะใช้จ่ายกันเท่าไร เมื่อถึงกำหนดชำระส่วนใหญ่เขาชำระเต็มจำนวน เช่นมิสเตอร์เป็นต้น แต่ป้ามั่นใจว่ายังมีกลุ่มคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตเหมือนกันเพราะเห็นโฆษณาในทีวี มีบริษัทปลดหนี้ ชำระหนี้บัตรเครติด ยังมีอยู่

และบัตรเดบิก็เป็นอีกใบที่นิยมจับจ่าย แต่จากประสบการณ์ของป้าเองอย่าประมาทว่าบัตรเดบิจะไม่เป็นหนี้เพราะมั่นใจว่ามีเงินในบัญชี แต่ที่นี่ไม่มีเงินในบัญชีก็จ่ายได้ เพราะธนาคารจะตั้งยอดสำรองจ่ายให้ไปก่อนโดยที่เรา(ป้า) ไม่รู้ คิดว่าตราบที่ยังจ่ายได้แสดงว่ายังมีเงินในบัญชี เหมือนระบบของไทย เพราะถ้าเงินไม่มีบัตรเดบิทจะไม่จ่าย ทีนี่ป้าโดนมาแล้ว ใช้หนี้ที่จ่ายเกินบวกดอกเบี้ยด้วย ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวก็ไม่มีเรื่องมาเล่า

จ่ายด้วยบัตรเดบิตสามารถรับเงินสดได้ตอนทอนเงินด้วยนะ ที่ไทยมีหรือเปล่าระบบนี้ป้าไม่รู้ วิธีคือเวลารู้ดบัตรเครดิตที่เครื่องชำระ เครื่องจะถามว่าต้องการเงินคืนไหม ต้องการเท่าไร เราก็กดไป เงินจะออกมาตามนั้น แต่บัตรเครดิตทำไม่ได้

หลายๆคน โดยเฉพาะคนสูงวัยจะพกสมุดเช็คติดตัวกัน เพราะคนเหล่านี้ไม่คุ้นเคยกับการใช้บัตรพลาสติก ป้าเห็นด้วยสองตา ได้ยินด้วยสองหูอีกเช่นกัน คุณยายสูงวัยท่านช้อปปิ้ง และจ่ายด้วยบัตรเครดิต แต่ท่านไม่รู้ว่าต้องรู้ดยังไง ด้านไหนของบัตร ต้องกดอะไรบ้าง พนักงานช่วยท่านตั้งแต่รู้ดจนเสร็จ  หากใครชำระด้วยเช็คก็หยิบมาเขียนกันตรงนั้น แต่ป้าไม่รู้ว่าหากเกิดอาการเช็คติดสปริงนี้จะต้องทำอย่างไรกันนะ

มีเงินสดจับจ่ายสบายที่สุดแต่ผู้คนที่นี่ไม่นิยมพกเงินกันเยอะๆน่ะซิ

อ่อ แล้วที่นี่อีกอย่างหนึ่ง การทำนิติกรรมซื้อทรัพย์สิน เงินผ่อน ผู้ซื้อไม่ใช่ว่าจะซื้อได้ทุกคนแม้จะมีเงินก็ตาม แต่เครดิตของคนๆนั้นต้องดี ป้าไม่รู้ข้อมูลเรื่องเครดิตนะ เพราะป้าไม่คิดว่าตัวเองมี คือทุกคนต้องสร้างเครดิตให้ตัวเอง ที่ป้าได้ยินมาเครดิตเกิดจากการใช้จ่ายจากบัตรเครดิตด้วยถ้าไม่มีประวัติวงเงินการใช้จ่ายจะปรับขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็คือเครดิตของคนนั้นก็จะเพิ่มขึ้น เป็นตัวเลขประหนึ่งการสอบโทเฟิ่ลนั่นแหละ กี่ร้อยก็ว่ากันไป เมื่อจะซื้อสินค้าเงินผ่อนหากเครดิตไม่มากพอผู้ขายก็ไม่ให้เราผ่อน ป้าไม่มีประสบการณ์

และของขวัญที่สะดวก เป็นที่นิยมอีกอย่างก็คือบัตรของขวัญเพราะบัตรเหล่านั้นคือบัตรพลาสติกที่นำไปรู้ดปรื้ดดดดดดดด เหมือนกัน ตามมูลค่าในบัตรนั้นๆ เมื่อคริสมาสต์ที่ผ่านมา มิสเตอร์กับป้าได้บัตรของขวัญร้านอาหารมาหลายใบเชียวล่ะ แต่ไปกินกันทุกครั้ง เกินทุกครั้ง  ^_^

เป็นข้อมูลคร่าวๆ จากที่ป้าสัมผัสนะ ใครมีประสบการณ์ ข้อมูลเพิ่มเติมจัดได้จัดเลยค่ะ

Sunday, April 21, 2013

ไปดูดอกซากุระที่วอชิงตันดีซี 2556


แนวเขียนของป้าโอ้ทไม่เน้นเนื้อนะค่ะ ป้ามีน้ำกับภาพ ความรู้ ประวัติ ข้อมูลศึกษาใครสนใจ ถามอากู๋กันเองนะคะ

ดอกซากุระบานเป็นเทศกาลไปแล้วในหลายๆประเทศที่มีต้นซากุระ เจ้าของเจ้าต้นซากุระก็คือญี่ปุ่นนั่นเอง ได้ให้ต้นอเมริกามาปลูกด้วยหลายสิบต้นเชียว หรือ หลายร้อยป้าจำข้อมูลไม่ได้ ไปหาเพิ่มกันเองนะคะ (ป้าบอกแล้วไม่มีเนื้อ)  ซากุระจะบานช่วงฤดูใบไม้ผลิ (สปริง  spring) อากาศเย็น เริ่มอุ่นก่อนร้อนจะมา สถานที่ไหนมีต้นซากุระเยอะๆ เวลาดอกบานสะพรั่งก็จะสวยงามน่าดูมากๆ ใกล้บ้านป้าที่สุดคือ วอชิงตันดีซี และเป็นสถานที่หนึ่งที่รู้จักกันทั่วโลกก็ว่าได้ มีนักท่องเทียวต่างประเทศ ที่ไม่ใช่อเมริกัน มาเที่ยวชมดอกซากุระกันมากมายทุกปี ป้าโอ้ทมีโอกาสไปดูความงามของดอกซากุระ สี่ปีแล้ว

ปีที่แล้ว (2555) ป้าไปหลังวันพายุกระหน่ำเพียงวันเดียว ดอกซากุระแทบไม่เหลือ เพราะที่มีเหลือให้เห็นแทบมองไม่เห็น (งง ไหม)


ปีนี้ได้เชยชมสมใจ เดินรอบสระจนเมื่อยหัวแม่โป้กันเลยเชียว ^_^


10 เมษายน 2556...
เพื่อนป้าโอ้ทวางแผนการเดินทางด้วยรถประจำทางเพราะไม่อยากขับไปเอง สองชั่วโมง ไปกลับ สี่ชั่วโมง เหนื่อย แต่ป้าโอ้ทไปเองขับรถทุกครั้งเพราะป้าโอ้ทไม่เก่งเรื่องหา และ ใช้รถประจำทาง แต่ป้าชอบนะ สนุกดี ป้าโอ้ทเป็นผู้ตามที่ดีเสมอ
ry%3D400
ry%3D400

วันนี้อากาศดีเชียว แม้ตอนบ่ายแก่ๆ จะเริ่มร้อน วันนี้ไม่มีรถประจำทางรอบเช้าจากบ้าน ต้องขับรถไปอีกหนึ่งชั่วโมงขึ้นสถานีต่อไป เมืองไวท์มาร์ช รัฐแมรี่แลนด์ White March  ใช้เวลาบนรถประจำทาง หนึ่งชั่วโมง สิบห้านาทีโดยประมาณ
ry%3D400

สถานีรถประจำทางทำให้นีกถึงสถานีขนส่งหมอชิตที่กรุงเทพฯ 
ry%3D400
จากนั้นนั่งรถไฟใต้ดินต่อไปอีกสองสถานี ประมาณ  5 นาทีถึงจุดใกล้สระบริเวณต้นซากุระ ถ้าไม่นั่งรถไฟเดินจากสถานีรถประจำทางจะใกล้กับอาคารแคปปิตอลแต่เพื่อนป้าวางแผนมาดี เดินให้รอบสระชื่นชมดอกซากุระก่อน หากมีเวลาพอ ค่อยเดินไปที่อาคารแคปปิตอล ด้านหน้าอาคารแคปปิตอลมีแปลงทิวลิปแปลงใหญ่ อยากไปสร้างภาพ แล้วขึ้นรถกลับเพราะอยู่ใกล้กับสถานีรถประจำทาง แต่เราเดินรอบสระก็เหลือเวลาไม่มาก ไม่พอจะเดินกลับไป เรานั่งรถไฟ กลับไปสถานีเหมือนตอนมา
ตู้ซื้อตั๋วรถไฟบีทีเอสง่ายกว่าเยอะเชียว ตู้ที่เห็นนี่มีตารางบอกสถานี และราคาที่มีสองอัตราเวลาเร่งรีบ กับ ไม่เร่งรีบ บวกเพิ่มค่ากระดาษอีก 1 ดอลล่าร์
ry%3D400
ry%3D400

รอรถบัสกลับ
ry%3D400
วันนี้ต้องขอบคุณเพื่อนป้าคนนี้ที่พาเที่ยว เตรียมข้อมูลการเดินทาง แล้วยังถือกล้องตัวใหญ่เพราะจะได้ถ่ายภาพป้าโอ้ทสวยๆ เพราะปกติเพื่อนจะใช้กล้องโทรศัพท์มือถือสะดวกมาก ไม่หนักด้วย ป้าโอ้ทเลยมีภาพตัวเองกลับมาเยอะเชียว
ry%3D480


ry%3D480

ry%3D480

ry%3D480

ry%3D400

ดูดอกซากุระ และ บรรยากาศรอบสระกันบ้างดีกว่า ป้าไม่ได้ภาพดอกสวยๆกลับมาเลย เพราะความอดทนกับลมไม่มากพอ โฟกัสหลุดหมด
ry%3D400
ry%3D400
ry%3D400
ry%3D400
ry%3D400
ry%3D400
ry%3D400
ry%3D400
ry%3D400
ry%3D400
ry%3D400
เจฟเฟอสัน เมมโมเรียล
ry%3D400

ry%3D400
ry%3D400
ry%3D400
ry%3D400
ภาพยังมีอีกเยอะถ้าสนใจดูภาพทั้งหมดคลิกที่นี่นะจ่ะ

ขอบคุณทุกคนค่ะ

Saturday, April 20, 2013

เรื่องบนเตียง

เรื่องบนเตียง


ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก อยากรู้ล่ะซิ รีบเข้ามาอ่านกันเนี่ย


30 มกราคม 2553...เล่าเรื่องที่คุยกันบนเตียงต่างหากล่ะ...อิอิ เข้าเรื่องละกัน ไม่มีอะไรซีเรียส เรื่องมีอยู่ว่า ปกติโอ้ทจะนั่งหน้าคอมฯทั้งคืนจนตี3-4 ถึงจะขึ้นบ้าน อาบน้ำ นอน แต่ 2 วันมานี้ขึ้นบ้าน อาบน้ำ และถักไหมบนบ้านจนง่วงแล้วก็นอน วันก่อนหลับก่อนที่มิสเตอร์ขึ้นบ้าน
เมื่อคืน...
มิสเตอร์->ทำไมถึงขึ้นบ้านเร็ว
โอ้ท-> พยายามจะห่างๆๆ คอมฯ เพราะว่าจะเสพติดคอมฯแล้ว

(ตรงนี้ไม่ได้เล่าให้มิสเตอร์ฟัง แต่เพื่อเพื่อนๆ ที่แวะมาอ่านจะได้นึกออก......สิบกว่าปีมาแล้ว ติดหนัก ค่ำยันเช้าทุกวัน นอนกลางวัน เพราะตอนนั้นตกงานไม่ต้องทำอะไร เมื่อทำงานจะเป็นคืนวันศุกร์ กะ เสาร์ เพราะวันอื่นคงทำงานไม่ไหว แต่ก็นอนไม่ต่ำกว่าเที่ยงคืน และเคยบังคับตัวเองห่างๆ คอมฯ มาได้ระยะหนึ่งแล้วด้วย แล้วก็มาติดอีกคราวนี้หนักเพราะมีอะไรทำหลายอย่าง เมื่ออยู่หน้าคอมฯ เวลาหลายๆ ชั่วโมงผ่านไปโดยเปล่า ไม่ได้ทำอะไร ไม่หยิบจับสิ่งที่เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาทำ อยากจะห่างๆๆๆ จะได้เอาเวลาไปหยิบจำทำสิ่งที่เป็นชิ้นเป็นอันบ้าง)

 ..ต่อ

 มิสเตอร์+>ถ้าไม่ติดคอมฯ จะติดถักไหมแทนเหรอ เพราะไม่นั่งหน้าคอมฯ ก็นั่งถักไหม
 โอ้ท+>เปล่า เพราะถักไหมทำปกติอยู่แล้ว อยากห่างๆๆ คอมฯ จะได้ไม่นอนดึก(เช้า)ด้วย ไม่ดีต่อสุขภาพ

 มิสเตอร์+> ก็นอนกลางวันได้นี่นา...(เอากะเขาสิ นึกว่าจะว่า ส่งเสริมซะอีก )
โอ้ท+> นอนไม่หลับ นอนแล้วมืออยู่นิ่งไม่ได้ อยากทำโน่น นี่ต้องลุกมาทำ

มิสเตอร์+> กินยานอนหลับของฉันไง จะได้หลับ...(เป็นไง สามี แจ๋งปะ ตอนคุยกันโอ้ทยังอดขำไม่ได้เลย )
 โอ้ท+> ไม่เอาละจ้า......จะให้นอนกลางวันเหรอ

มิสเตอร์+> ถ้าอยากนอนกลางวันก็นอน กินยาจะได้หลับ
โอ้ท+>ขำแล้วก็ไม่คุยต่อ ถักไหมดีกว่า

มิสเตอร์+> อ่านหนังสือ

จบแล้ว

Friday, April 19, 2013

ทิป

ทิป...

 "ใครชอบ หรือ ไม่ชอบ จ่ายทิปให้พนักงานบ้างค่ะ แต่พนักงานทุกคนไม่มีใครที่ไม่ชอบเน่อะ ยาวนิดนะคะ หวังว่าจะเข้าใจภาษาป้านะ"

ป้าถามอากู๋ได้ข้อมูลมาหนึ่งเวบ สนใจอ่านคลิกที่นี่

ส่วนของป้าจากที่ป้าสัมผัสเอง

 - บ้านเมืองไทย ทิปจะยังไม่เป็นสิ่งที่จริงจังทั่วประเทศ บางคนที่ใช้บริการร้านนั้นๆ จะให้ทิปพนักงานตามความพอใจ ส่วนใหญ่ที่ป้าเห็นและใช้บริการ ให้ทิปไปบ้างจะเป็นร้านอาหาร กับโรงแรม พนักงานเสริพร้านอาหารของไทย ถ้าบริการดีๆ ลูกค้าก็อยากให้ทิป ถ้าบริการไม่ดี ก็ไม่อยากให้ หรือให้แบบไม่เต็มใจ และป้าได้ยินมาว่า การให้ทิปถ้าวางไว้บนโต๊ะ ทิปนั้นจะถูกใส่กองกลางแล้วแบ่งพนักงานเสริพทุกคน แต่ถ้าอยากให้พนักงานคนใดคนหนึ่งต้องให้ทิปกับคนนั้นๆโดยตรงจะไม่มีการแบ่ง...ข้อนี้ป้าไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร

งานโรงแรมโดยทั่วไป ป้าจะเห็นว่าลูกค้าจะให้ทิปกับพนักงานขนกระเป๋า เปิดประตู ประจำลิฟท์ ส่วนพนักเสริพในร้านอาหารโรงแรมก็ได้รับทิปตามปกติ ในความคิดเห็นของป้าเรื่องทิปคู่กับโรงแรม ในบ้านเมืองไทยคงจะคิดว่าเป็นธรรมเนียมของชาวตะวันตกเขาทำกัน เพราะโรงแรมส่วนมากชาวตะวันตก/นักท่องเที่ยวต่างชาติ จะพัก ข้อนี้กระมังที่ลามรวมไปถึงโรงแรมจิ้งหรีด (ป้าก็เรียกไปตามที่เคยได้ยินมานะ) ไม่ว่าจะกี่ดาวหากเรียกว่า "โรงแรม" ลูกค้าที่ให้บริการต้องไม่พลาด"ทิป" พนักงานนะคะ ไม่เช่นนั้น มีเคืองจากพนักงานแน่ๆ ส่วนการซื้อของทั่วไปทิปไม่มี...จากที่สัมผัสมานะ

- บ้านเมืองของมิสเตอร์ที่ป้าอยู่ปัจจุบัน ป้าอยู่นิววาร์ค เดลาแวร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศใหญ่โต แต่ป้าอยู่บ้านนอก บ้านนอกที่ป้าอยู่ยังไม่จัดว่าเป็นชนบท เพราะยังมีที่เป็นทุ่ง เป็นป่ามากกว่าที่นี่ แล้วป้าจะค่อยๆ หยิบภาพ เล่าประกอบทีละนิดต่อไป

 ที่นี่ทิปจะเป็นสิ่งที่ทุกคนพึงกระทำ ถ้าใครไปใช้บริการร้านอาหาร โรงแรม หรือที่ไหนก็ตามที่มีพนักงานมาช่วย/ให้บริการแล้วไม่ให้ล่ะก็ ลูกค้าคนนั้นจะถูกเพ็งเล็ง มองว่าเป็นคนไม่มีมารยาท ป้าฟังมาจากเพื่อนที่อยู่ด้วยกันในระยะแรกที่เดินทางมาจากไทย

 งานนิยมของคนไทยคงไม่พ้นงานร้านอาหารไทย เพื่อนป้าเล่าว่า แต่ละร้านจะไม่เหมือนกัน บางร้านให้ค่าชั่วโมงมาก บางร้านให้ค่าชั่วโมงน้อย ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกร้านพนักงานเสริพอยู่ได้ด้วยเงิน"ทิป" และไม่ใช่เฉพาะร้านอาหารไทยเท่านั้น ร้านอาหารทั้งหมดก็ว่าได้นะ พนักงานเสริพมีรายได้หลักจาก"ทิป" และไม่มีลูกค้าคนไหนไม่ให้ทิป จะมีบ้างก็ให้น้อยเกินไป ให้มากเกินไป แต่ข้อหลังนี้พนักงานเสริฟชอบ

 ร้านอาหารไทยที่ป้ารู้มา ลูกค้าอินเดีย ไม่มีพนักงานคนไหนชอบ เพราะคนเหล่านี้จะไม่ค่อยจะจ่ายทิป หรือจ่ายให้น้อยมาก มากกว่าค่าเฉลี่ยด้วยซ้ำ เช่น มากินอาหารกัน 10 คน แต่จ่ายทิป 2 ดอลล่าร์ เป็นต้น เพื่อนคนไทยเล่าว่า ในหมู่พนักงานด้วยกันจะเรียกอินเดีย ว่า ออ ดอ เป็นที่เข้าใจ เพราะถ้าเรียกอินเดีย เขาจะรู้ แต่ยังมีอินเดียบางคนไม่ขี้เหนียว จ่ายทิปดีอยู่บ้าง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ รัฐที่เศรษฐกิจดีๆ เพราะคนอินเดียเหล่านั้นทำงานดี รายได้ดีนั่นเอง

 ที่นี่จะมีอัตราคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ของยอดรวมในบิลกำหนดไว้เป็นที่รู้กัน แต่ละชุมชน แต่ละรัฐ มีอัตราที่ต่างกัน ข้อนี้ป้าไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าที่ไหน เท่าไร แล้วใช้อะไรเป็นเกณฑ์กำหนด ที่ป้าพอรู้คือเมืองใหญ่ ย่านเศรษฐกิจ เปอร์เซ็นต์ทิปจะสูงกว่า เมืองเล็กๆ อย่างบ้านป้านี่ล่ะ โดยทั่วไปก็ 10-15 หรือ มากกว่า การจ่ายทิปทุกคนที่ให้บริการจะได้รับทิปของตัวเองไป โดยไม่ต้องแบ่ง แต่ก็มีร้านอาหารไทยบางร้าน (ป้าไม่รู้ว่าร้านอาหารต่างชาติเป็นยังไงนะ) ที่พนักงานเสริพต้องแบ่งทิปส่วนหนึ่ง (กี่เปอร์เซ็นต์ก็ตามตกลงกันเองในกลุ่ม) ให้พนักงานเก็บโต๊ะ ล้างจานเพราะ สองตำแหน่งนี้ไม่มีทิป แต่บางร้านก็ไม่แบ่ง บางร้าน พนักงานไม่ได้รับทิปเต็มจำนวน เพราะทางร้านจะหักเปอร์เซ็นต์ให้กับร้านอีกส่วน ซึ่งข้อนี้พนักงานเสริพไม่ชอบแน่นอน แต่ยังมีบางร้านที่พนักงานได้รับทิปเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ต้องแบ่งกับใคร ทิปร้านอาหารไม่ต้องให้ในมือพนักงานคนนั้นๆ เนื่องจาก ทุกๆร้าน ไม่ว่าจะร้านไทย หรือ ต่างชาติ จะแบ่งโซน พนักงานแต่ละคนมีโต๊ะที่ดูแลแน่นอน ไม่ต้องแย่งกัน ลูกค้าใครลูกค้ามันนั่นเอง พนักงานทุกคนต้องแนะนำตัวให้ลูกค้าของตัวเอง เมื่อลูกค้าต้องการอะไร จะไม่เรียกพนักงานคนอื่นๆ แต่จะรอพนักงานประจำโต๊ะคนนั้นๆ มา แต่บางครั้งผู้จัดการร้าน หรือ ถ้าไม่เห็นพนักงานที่ดูแลเดินผ่านมา รอนานก็เรียกคนอื่นนะ แล้วคนนั้นจะถามหาคนดูแลโต๊ะนั้นๆให้มารับต่อไป พนักงานไม่เดินเพ่นพ่าน ไม่ยืนเฝ้ามองเวลาลูกค้ากำลังเอร็ดอร่อย กับการกิน แต่จะเดินมาถามเป็นระยะ "ทุกอย่างเป็นอย่างไรบ้าง, ต้องการอะไรเพิ่มไหม" ...

คงพอนีกภาพออกบ้างนะคะ สำหรับคนที่เคยไปต่างประเทศที่มีลักษณะแบบนี้คงรู้เน่อะ ส่วนใหญ่ป้าไม่เป็นคนจ่าย มิสเตอร์จะเป็นคนจ่ายทั้งค่าอาหาร ค่าทิป ป้าจะไม่รู้ว่าต้องจ่ายเท่าไร วันไหนป้าไปกินอาหารกับเพื่อน ป้าจะถามเพื่อนๆว่าต้องจ่ายทิปเท่าไร

 ร้านอาหารบัฟเฟต์ (บุฟเฟต์นั่นแหละ) แน่นอนไม่มีพนักงานมาคอยบริการเรา แต่จะมีกล่องใส่ทิปจัดไว้ที่เคาน์เตอร์เมื่อลูกค้าชำระเงิน ลูกค้าบางคนก็ทิป บางคนก็ไม่ทิป กล่องทิปจะเห็นได้ทั่วไปตามเคาน์เตอร์ หรือ บูธขายเครื่องดื่ม เช่นน้ำปั่น ชาไข่มุก ร้านอาหารที่ไม่มีโต๊ะนั่ง รถอาหารริมถนน รถหน้าตาแบบนี้นะ ตามกฎหมายกำหนด จะใช้รถเข็นเหมือนบ้านเราไม่ได้นะ

สาวเสื้อดำตัวน้อยๆ นี่ละเพื่อนป้าที่มาพร้อมกัน และทำงานร้านอาหารไทย ณ ขณะนั้น รถคันนี้เป็นรถเพื่อนของเพื่อนคนนี้ ทุกคนเป็นนักเรียนไทย
https://q3gj5g.sn2.livefilestore.com/y1p90DJHSFQVxYxyL9Pnacs3L3WPsJfOL5_C6aFqaGGJzD4I1heufOAGqB-FEAwjEYxXNKosdDaAJzQsLytRaKk2SVxE0fFwKTe/DSCN0169.jpg?psid=1
โรงแรมถ้ามีพนักงานมาช่วย/บริการ ก็ต้องจ่ายทิปแน่นอน เช่นพนักงานยกกระเป๋า แม่บ้านทำความสะอาด มิสเตอร์จะวางเงินไว้ในห้องก่อนเช็คเอ้าท์ทุกครั้ง ให้แม่บ้านที่ทำความสะอาด พนักงานจอดรถ (ถ้ามี)

 ป้าเขียนมายาวพอสมควรแล้ว คงพอจะนีกภาพ "ทิป" ของที่นี่กันออกบ้างแล้วเน่อะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นข้อมูลทั้งหมดเป็นในส่วนที่ป้ารู้และคิดเองเท่านั้นะคะ ป้าไม่มีประสบการณ์ทำงานร้านอาหาร ข้อมูลอาจจะตรง หรือ ไม่ตรงกับคนอื่นๆ เป็นไปได้ค่ะ

 ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านบล๊อกป้านะคะ

Thursday, April 18, 2013

พ้องเสียง เสียงเหมือนกัน

เอ้า!ชักจะเพี้ยนกันไปใหญ่แล้ว...บอกใครละเนี่ย? ก็ป้าโอ้ทนั่นแหละ

เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ และทุกครั้งคนพูด คือป้าโอ้ทนี่ล่ะ จะรู้ถึงความเพื้ยนที่ตัวเองเป็นคนพูด แต่คนฟังไม่รู้ เพราะคนฟังไม่เข้าใจว่าป้าโอ้ทกำลังบอกอะไรเขาอยู่ นั่นคือ คำพ้องเสียงภาษาไทย กับ ภาษาอังกฤษ ซึ่งออกเสียงเหมือนกันเดะๆ แต่ความหมายก็น่าจะเดากันได้ คนละประเทศแน่แท้ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด

ป้าโอ้ทจะพูดภาษาอังกฤษว่า I watch TV. อ่านว่า ไอ วอช ทีวี แปลว่า ฉันดูทีวี ที่นี่ปากป้าซิดันบอกว่า I DO TV  อ่านว่า ไอดูทีวี ในความตั้งใจของป้าจะบอกว่า ฉัน ดู ทีวี ในประโยคภาษาอังกฤษประโยคแรก I watch TV.  เพื่อนคนไทย ขำ ซิ เพราะป้าพูดจบ ป้าก็ปล่อย ก๊ากกกกกกกกกกกกก ส่วนคนฝรั่ง นิ่ง เพราะคงยังไม่รู้ว่า ชีพูดอะไรของชีวะเนี่ย... I Do TV แปลตามความหมายภาษาอังกฤษว่า ฉันเป็นคนทำทีวี (ประกอบทีวีให้เป็นทีวีนั่นแหละ) กว่าฝรั่งจะเข้าใจก็หลังจากป้าโอ้ทเจ้าของปากพาเพี้ยนอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นนั่นแหละ ถึงได้ "อ้อ"

จบ.




https://a2eifq.sn2.livefilestore.com/y1pGQkMBve5J60T1Y_CV-HiAD-JOcdfAnZQmf98kxsykGHaVMZ5NuFMqbyC5K2tfSAlhIXhQ2ZBZ3M1voY_2l966A2pJRJVwM0c/IMG_9791.JPG?psid=1

Tuesday, April 16, 2013

แจ๋วแจ่มใส # 35

แจ๋วไม่ได้บันทีกการทำงานระยะหนึ่งเพราะไม่มีอะไรใหม่ๆ วันนี้แจ๋วมาแจ้งว่า นายจ้างของแจ๋วผ่าตัดหัวเข่าข้างที่ผ่าตัดมาเมื่อ 5 ปีก่อน คนละข้างกับข้างที่รับแจ๋วเข้าทำงานเมื่อ 3 ปีที่แล้วนะคะ ทำให้แจ๋วได้วันทำงานเพิ่ม จากสัปดาห์ละ 2 วัน เป็นสัปดาห์ละ 5 วัน แม่บ้านใจดีจริงๆ ให้แจ๋วยังคงทำตอนบ่ายตามสะดวก ตอนเช้าแม่บ้านหาคนทำได้แล้ว

แจ๋วไปเริ่มทำทุกวัน เมื่อวาน 15 เมย 2556 เป็นวันแรก ปรากฎว่าคนที่จะมาทำตอนเช้า ไม่มาซะงั้น แม่บ้านเดินกะเผลกด้วยไม้ค้ำ ลงไปซักผ้าที่ห้องใต้ดิน แจ๋วเห็นแล้วเสียวจะล้ม แจ๋วบอกแม่บ้านไปว่า ถ้าไม่รีบร้อนต้องซักผ้าตอนเช้าก็ปล่อยไว้ให้แจ๋วจัดการทั้งหมด เพราะทำงานห้าวัน ทำได้สบายๆ เนื่องจากทำความสะอาดบ้านสองวันพอแล้ว อีกสามวันจัดการเรื่องผ้า ซัก ตาก พับ

ระยะเวลาที่ต้องทำทุกวัน ประมาณหนึ่งเดือนคาดว่าแม่บ้านจะเดินได้สะดวกขึ้น ทำอะไรได้ตามปกติ หรือถ้ายังคงไม่ปกติ ยังต้องทำกายภาพเพิ่ม เวลาทำงานของแจ๋วทุกวันต้องขยายออกไป

ทำทุกวันก็ดีเพราะได้ตังค์เพิ่ม แต่แจ๋วขี้เกียจ สองวันพอแล้ว...^_^

Sunday, April 14, 2013

ถึงชาว"ทอฝัน"

ความในพุง...ปลิ้นๆ ของป้าโอ้ท
อะ อะ...เด็กๆ อย่าเพิ่งเมินหน้าหนีซิ...^_^ ขอร่ายยาวนะคะ เพราะพุงป้าหย่ายยยยยยยย

สวัสดีทุกคนค่ะ... ป้าโอ้ทอยากบอกชาวทอฝันว่า ดีใจมากๆ ขณะที่ป้าเขียนหัวใจป้าพองโต คงจะพอๆ กับพุงปลิ้นๆ ของป้านี่ล่ะ ทำไมถึงพองโต? ป้าดีใจที่ได้รู้จัก"ทอฝัน" โดยบังเอิญ คงเป็นช่วงจังหวะ และ เวลา ที่ป้าจะได้รู้จักเพื่อนที่รักอีกสิ่งหนึ่งเหมือนป้านั่นคือ การเขียน แต่ที่นี่ยังรักการอ่านด้วย ซึ่งป้าไม่รักการอ่านเอาซะเลย แต่พยายามบังคับตัวเองให้อ่าน ป้าชอบพูด แต่ไม่ค่อยมีสาระ เมื่ออยู่ในกลุ่มคนที่มีสาระ เขาอ่านมาก ดูทีวีรายการมีสาระมาก เขาก็รู้เยอะ ป้าก็นั่งใบ้สนิทเพราะป้าไม่รู้อะไรที่เขาคุยกัน ปัจจุบันป้าพยายามฟังมากกว่าพูด ที่บอกพยายามเพราะ ยังคงติดที่จะพูด พูด พูด ป้าชอบคิด และเขียนตั้งแต่เรียน มัธยมต้น เริ่มจากเขียนลงกระดาษเย็บเป็นเล่ม พัฒนาเป็นเขียนลงในสมุดเล่มเล็กๆ แล้วก็เขียนในสมุดบันทีกเล่มสวย เขียนบทความสั้นๆ แต่งกลอน แนวเพ้อเจ้อ ตามอารมณ์วัยรุ่น สมัยนั้นๆ จนกระทั่งป้าเรียนมหาวิทยาลัย จากที่เคยเพ้อเจ้อเรื่องรักๆ ใคร่ ก็เปลียนมาเป็นชีวิต จากสิ่งที่ได้พบปะ พบเห็น และเกิดขึ้นกับตัวเอง สิ่งที่ป้าเขียนเกือบทุกวันจะเป็นการบันทีกสิ่งที่เกิดขึ้น ชิวิตประจำวัน ป้าเขียนหมดทุกสิ่ง ทำอะไร คิดอะไร เจออะไร เล็กๆ น้อยๆ เขียนหมด กระทั่งมีคอมพิวเตอร์ แรกๆป้าเขียนทั้งในสมุด และคอมพิวเตอร์ แต่เมื่อย้ายมาอยู่ต่างประเทศ ป้าบันทีกในคอมพิวเตอร์ เริ่มต้นที่ สเปส ของฮอตเมล์ ซึ่งปัจจุบัน เปลียนเป็น เวิร์ดเพรสไปแล้ว ป้าก็ยังคงเขียน และคิดว่า ต้องหาที่เขียนเพิ่มเป็นคลังสำรองไว้เผื่อเวบล่มสิ่งที่เราเขียนจะได้ไม่หายไป เพราะป้าคงจะเสียใจมากๆ ป้าชอบเวลานั่งอ่านเรื่องราวของตัวเองที่เขียนไว้ทำให้นีกไปถึง เวลา นั้น แล้วเป็นสิ่งที่สอนตัวป้าเองด้วย สะท้อนให้เห็นความโง่ ความไร้สติของตัวเอง ป้าเขียนบล๊อกของต่างชาติมากมาย เยอะกว่า 10 บล๊อก สุดท้ายเลือกเขียนต่อเนื่องจนปัจจุบันอยู่ 3 บล๊อกเพราะใช้ง่ายที่สุด บล๊อกไทยที่เขียนเป็นของพันธ์ทิพย์"บล๊อกแกงส์"นั่นเอง แต่ปัจจุบัน จะเขียนใหม่ๆน้อยมากเนื่องจาก คลังภาพที่ป้าใช้ทางบล๊อกแกงส์ไม่รับโค้ด ภาพประกอบป้าไม่มี ป้าเลยไม่ได้เขียนต่อ แต่ป้าเปลียนเป็นใส่ยูตูป youtube แทน สำหรับบล๊อกแกงส์ และที่เวิร์ดเพรส กับ บล๊อกสปอต ของจีเมล์ ซึ่งจะเขียนบล๊อกตามสิ่งที่สนใจแยกไปอีกหลายบล๊อกในบล๊อกสปอตนี้ ถ้าเห็นชื่อป้าโอ้ท Oathka นี่ละค่ะตัวจริง ใช่เลย เรื่องที่ป้าเขียนส่วนใหญ่เป็นเรื่องของป้าเองทั้งหมด ป้ามีกำลังใจเขียนต่อไปเรื่อยๆ มากขึ้นเมื่อวันหนึ่งได้รับอีเมล์จากคนที่ป้าไม่รู้จักใจความว่า "สวัสดีค่ะ หนูรู้จักบล๊อกของพี่เพราะพ่อของหนูอ่าน อ่านทุกหน้า พ่อเอาให้หนูอ่านบอกว่าเป็นประโยชน์มากๆ เพราะหนูกำลังจะเดินทางมาฝีกงานที่..." อ่านอีเมล์ฉบับนี้แล้ว ดีใจ ปลื้มใจ ว่า สิ่งที่เขียน ที่ตัวเองคิดว่าไร้สาระ ไม่เป็นที่นิยมอ่านของคนส่วนใหญ่ แต่วันนี้ เป็นประโยชน์กับบางคน เป็นกำลังใจมากๆ ป้าตั้งใจไว้ว่าจะเขียนไปจนป้าเขียนไม่ไหว เรื่องของป้า สิ่งที่พบเจอ ให้คนที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัส ได้รับรู้ผ่านจากสิ่งที่ป้าเขียน จากภาพ และ วิดิโอ ที่ป้าบันทีกมา ใครจะรู้ เมื่อวันที่ป้าไม่อยู่แล้ว " ไปที่ชอบ" แล้ว เหมือนบทความของ สมาชิกทอฝันท่านหนึ่งเขียนไว้ ชื่อป้ายังอยู่ และ มีคนพูดถึง ก็ได้เน่อะ ป้าเคยคิดนะว่าอยากเขียนกับกลุ่มเพื่อนๆคนไทยด้วยกันบ้าง และในที่สุดเพื่อนคนหนึ่งแนะนำเวบ โอเคเนชั่น ป้าเข้าไปเขียนได้ไม่ถึงเดือน ก็ต้องเลิกเพราะป้าเปิดเวบนี้เมื่อไร ค้างเมื่อนั้น จนมาเจอ ทอฝัน นี่ละคะ มีปัญหาคุยกับผู้ดูแลเวบ (ภารโรงหรือผู้ใหญ่บ้านก็ไม่รู้นะคะ) มีการตอบรับ แก้ไขรวดเร็ว ป้าถึงยังอยู่จนวันนี้ (วันที่สาม หรือ สี่ เอ หรือ สัปดาห์แล้วหว่า ความจำสั้น ถึง เสื่อม) สุดท้าย ป้าตั้งใจบอกชาวทอฝันว่า ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ที่นี่ค่ะ
ป้าโอ้ทบ้ากล้อง ทั้งหน้า-และหลัง กล้อง ภาพทั้งหมดนี้ป้าชงเองค่ะ เพราะป้าหานางแบบไม่ได้
ry%3D480
ry%3D480 ry%3D480

Saturday, April 6, 2013

อิ่มแล้วต้องเผาผลาญกันสักนิด 2 เมย 2556

มื้อกลางวันเราไปฝากท้อง(คราก)กันที่ร้านอาหารเครกเกอร์ บาร์เรล อาหารอร่อยถูกปากทุกคน
กินอะไรดีน๊าวันนี้?
หน้าแฉล่มเชียว ^___^
ป้าโอ้ท แดงมาเชียวนะวันนี้
แพนเค๊ก ราดแยมเชอรรี่ กับวิปครีม กินไม่หมด มิสเตอร์ช่วยจัดการ
สเต๊ก...ของสาวอีกคน
และ...กำลังโรยพริกไท
พุงแน่นกันถ้วนหน้า ไปเผาผลาญกันสักนิดดีกว่าเน่อะ...