Life is short then do what brings happiness to life.ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุข ก็ทำไป

เรื่องราวที่เขียนในบล๊อกเป็นประสบการณ์ และชิวิตประจำวันของโอ้ทเอง เขียนไว้เป็นบันทึก เก็บไว้อ่านย้อนหลังเมื่อวันเวลาผ่านไป ซึ่งเอากลับมาไม่ได้ หากสิ่งที่เขียนเป็นประโยชน์กับบางคน หรือหลายคนด้วยก็ดีใจ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ

Saturday, September 26, 2009

ตลาดนัดครั้งแรก เดลาแวร์ อเมริกา

วันนี้เป็นวันขายตลาดนัด (flea market) ไม่ไกลจากบ้านแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว เวลากำหนดถึงสถานที่เพื่อจัดเตรียม 6.30 ตลาดเริ่ม 8.00 ไปถึงตามเวลา มีคนร่วมขายมาตั้งวางของกันอยู่ก่อน และทะยอยกันมา ปรากฎว่าขนของลงหมด อ้าวกระเป๋าสะพายตัวเองดันไม่ได้เอามา หลังจัดที่ทาง ข้าวของเสร็จให้นกอยู่ที่ตลาดแล้วตัวเองกลับไปเอากระเป๋าที่บ้าน พร้อมโต๊ะ ไม้แขวนเสื้อเพิ่ม กว่าจะได้กลับไป ลืมอีก วนเข้ามาอีกรอบ อากาศวันนี้ยิ่งสายยิ่งเย็นแฮะ คนเดินตลาดทะยอยกันมาไม่ขาดระยะแต่ไม่ถึงกับคับคั่ง ของขายได้พอควร โดยเฉพาะงานปั้นที่ทำเองทุกชิ้น ปลื้มๆๆๆ คนซื้อดูออกว่าทำเอง ราคาไม่แพงด้วย ยิ่งชอบใหญ่ หมอนโครเชท์ครึ่งเสี้ยวขายออกแล้วจ้า...เยๆๆๆ หนังสือนิยายของดารินขายดีที่สุด ขายเล่มละ 50 เซ็นเท่านั้น ที่นี่มีปีละครั้งจะทำของสะสมไว้มาอีก เห็นประกาศที่อื่นมีตลาดแบบนี้วันที่ 3 เดือนหน้า จะโทรไปคุยซะหน่อยถ้ามีที่ยังว่างอยู่จะไปอีก เพราะค่าที่ไม่แพงเหมือนกัน
บิ๋มตามไปสมทบตอนสาย

Monday, September 21, 2009

แปลงโฉมหมอนให้เหมียว

ได้หมอนมาสมใจ จัดการตัดผ้าที่ซื้อมาหลายเดือนแล้ว พร้อมกับหมอนใบเก่า เอามาเย็บใหม่ ให้นุ่มนิ่มกว่าเดิม ที่ห้างฯ ขายอยู่หมอนแบบนี้ใบละ หลายสิบเชียวล่ะ แต่นี่ลงทุนทำแล้ว ไม่ถึง สิบเลย หมอนใบเก่า ใช้ผ้านิดเดียว ยัดไส้นิดหน่อย ใส่ปลอกใหม่ อยู่ที่ราคา ไม่ถึง $5 ส่วนใบใหม่ ซื้อหมอนเก่ามาวันนี้ $4 ตัดผ้าเย็บใส่ปลอกเข้าในน่าจะอยู่ไม่เกิน $5 เหมือนกัน เพราะผ้าผืนใหญ่มากๆ ซื้อมา 2 ผืน 2 สี ผืนละ $3 เท่านั้น ที่ตัดเย็บใส่หมอนนี่แค่ 1 ใน สิบส่วนเอง มาดูกันดีกว่า ว่าน่านอนขนาดไหน เจ้าตัวน้อง เฮิร์เบิร์ทมานอนตั้งแต่ตัดผ้าแล้ว ไม่ทันได้เย็บเลย ส่วนเจ้าเฟรดก็ลงมานอนอยู่แป้บเดียว ถ่ายรูปไม่ทัน เพราะเจ้าเฟรดเครียด วิ่งขึ้นบ้านไปอีกแล้ว






เรื่องเหมียวๆ กับ กิจกรรมวันนี้ 21 กันยายน 2552

วันนี้เริ่มกิจวัตรด้วยการ ทำนิตติ้งต่อจนเสร็จเป็นชิ้นส่วนเย็บกระเป๋าเอาไปขายเสาร์ที่จะถึงนี้ แต่ยังไม่เสร็จ มีรูปมาให้ดูคร่าวๆ ด้วย  








ไปถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงเพราะต้องไปส่งนกโรงเรียนก่อน เอานิตติ้งติดไปทำแต่ดันหยิบไม้ไปอันเดียว ปัทโธ่..ไม่เป็นไรเข้าไปนั่งรอ อ่านหนังสือพิมพ์ ดูประกาศ บนบอร์ด มีกิจกรรมเยอะเชียว ไม่เคยได้อ่านสักที เร็วๆนี้มียาดเซลล์ครั้งใหญ่ใกล้บ้านด้วยล่ะ (Giant yard sale) วันอาทิตย์เข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรีด้วย Brandy wine river museum น่าสนใจจัง แต่ไม่แน่ใจว่าจะไปหรือเปล่า หาเพื่อนร่วมทางก่อน ว่าวางไหม แต่ที่แน่ๆ ดารินไม่ไป เพราะคงอยากอยู่บ้านกะเหมียวๆ มากกว่า มาเรียถึงห้องสมุดเทียงตรงเพ้ง เดินไปติดต่อที่เค้าน์เตอร์ได้ห้องจองไว้ เป็นห้องเล็กๆ ส่วนตัว ดีเหมือนกัน คราวหน้าถ้าต้องการส่วนตัวจะได้จองบ้าง วันนี้เริ่มสอนด้วยการให้แนะนำตัว สอนคำไป - มา ไปเทียว ไปนอน ไปกิน(ข้าว) ไปห้องน้ำทบทวน วันที่สอนไปแล้ว เมื่อวาน พรุ่งนี้ ให้อ่าน ก ข ข ค ฅ จากนั้นมาเรียถามกลับสอนภาษาอังกฤษ วันหยุดที่ผ่านมาทำอะไร โอ้ทเล่าไป มาเรียก็แก้ไขสิ่งที่ผิดให้

เสร็จบ่ายโมงไป กู้ดวิลล์ต่อ เพราะบิ๋มบอกว่ามีของใหม่มาเพียบๆๆๆๆๆๆ อยากได้โต๊ะ ชั้นวางของ แต่เอากลับไม่ได้ต้องรอรถดารินตอนเย็น เดินๆๆๆ ต่อไป ได้กางเกงยินส์ขาสั้นมา 5 ตัว กะ กระโปรงยีนส์จะเอามาตัดทำกระเป๋าขาย รวมค่าเสียหาย ได้หมอนมาทำให้แมวเหมียว 1 ใบ มีผ้าขนๆ ซื้อมาหลายเดือนแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไร จับใส่หมอนซะใหม่ ทั้งใบเก่าด้วย สาบสิบกว่าๆ

อยากได้โต๊ะตัวนี้แต่ใหญ่มากเกินไป $25

เห็นรองเท้าบูทสีชมพูน่ารักดี เหมาะกับนก แต่จะชอบหรือเปล่าไม่รู้ ถ่ายรูปมาให้ดู

ต่อจากนั้นไปซื้อผักมาไว้ทำกับข้าว รีบกลับบ้านจับเจ้าแมวตัวซน ออกมาจากห้อง เพราะร้องเหมียวทั้งวันแน่ๆ



หลังทำอาหารเย็นเสร็จ ออกไปเรียน ปรากฎว่าเพื่อนที่นัดกัน รู้ทางไปห้องสมุด(วันนี้เปลียนที่เรียน) ไม่ไป แวะไปเอาชั้นที่กู้ดวิลล์ก่อน อดเลย ไม่อยู่แล้ว โทรหาครู ถามที่อยู่ห้องสมุด กดจีพีเอส (เอารถดารินไป มีจีพีเอสในตัว) แต่ว่าทามมมมายยยยยยยยยยย ไปไกลจัง เกือบจะถึงสนามบินแล้วนะเนีย โทรหาครูอีกหลายรอบไม่รับสาย กดจีพีเอสกลับบ้านดีกว่า (หลงทาง ไปไม่ถึง)


เย็นนี้หงุดหงิดด้วยเพราะตอนเย็นบิ๋มโทรมาบอกนอนตกหมอน คอหันไม่ได้เลย ปวดแขน ถึงหลัง พี่เข้าบ้านยกจักรเย็บผ้าขึ้นมาผิดท่า เอวเคล็ดเจ็บไปถึงขาจนนี้เลยอะ วันนี้มีแต่เรื่องแมว แมวน่ะ

ดาริน ซื้อสนามเล่นมาให้ด้วย ประกอบเสร็จตะกี้นี้เอง



เจ้าแมวเฟรดยังไม่ญาติดีกะน้องใหม่เลย ทำเสียงฟ่อๆ เดินย่องๆ ระมัดระวัง ทำตัวพอง นอนบนเตียงทั้งวัน ไม่ลงมากินข้าวกินน้ำ ท่าจะกลัวตัวเล็กมากกว่า ทำให้ตัวเล็กกลัว คงอีกสักพักจะเข้ากันได้ พี่กะพี่นก กลัวเจ้าเฟรดจะตะปบเจ้าตัวเล็ก แต่ตัวเล็กนี่ซ่า เดินเข้าหาประจำ

Friday, September 18, 2009

วันเกิดใครน้อ 18 กันยายน 2552

วันนี้ออกจากบ้านส่งนกทำงานแล้วก็ไปร้านอุปกรณ์ทั้งวันเลยยันเย็น โมโหตัวเอง ดันดูไม่ดี ได้คูปองลดมาจากบิลของเพื่อน นึกว่าร้านโจแอนน์ไปเดินอยู่ซะ 2-3 ชั่วโมงจนตัดสินใจว่าจะซื้ออะไรให้คุ้มค่า 50% พอหยิบคูปองมาดู อ้าว ของร้านไมเคิ้ล ป้าดดดดดดดดดดดดดโธ่ ไปร้านไมเคิ้ลต่อ ไม่มีไรน่าสนใจเลย เสียเวลา กลับ ๆ ไปห้องสมุดต่อได้หนังสือทำนิตติ้งมาดูแบบทำหมวกน่ารัก ๆ ซะหน่อย กะเย็บตุ๊กตาตลก เอามาดูเล่น ๆ เพลิน ๆ ไปงั้นแหละ ตั้งใจไปหาแบบผ้ากันเปื้อนเย็บให้นกแต่ไม่ได้ ดูนาฬิกาปาไป 5 โมงเย็นแล้ว ทันร้านเบเกอรี่ป่าวน้อ รีบบึ่งจากห้องสมุดทันที ยังทัน ได้เค๊กมา 1 ก้อนสมใจ บิ๋มซื้อพิซซ่ามากินด้วยที่บ้าน ค้างด้วยเพราะพรุ่งนี้จะไปรับสมาชิกใหม่เจ้า “เฮอร์เบิร์ท” แต่ดารินจะพาเที่ยวพิพิธภัณฑ์บัลติมอร์ก่อน..
ก่อนดารินจะเข้าบ้านโทรถามแล้วอีก 10-15 นาที โอ้ทเตรียมปักเทียนใส่เค๊กไว้ ให้บิ๋มดักรอ หลอกล่อชมสวนไปก่อน แต่พอดารินมาจริง บิ๋มทำงานไม่สำเร็จ เจ้าตัวเข้ามายังจุดเทียนไม่เสร็จ ไม่เป็นไร ร้องเพลงเบิร์ธเดย์ให้ ยิ้มแฉ่ง แถมไม่เป่าด้วย เอามือปัดเทียนซะงั้น โอ้ทถามว่าไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ เจ้าตัวสั่นหัว เพราะรู้อยู่แล้วว่าโอ้ทต้องทำ...แหม! ตื่นเต้นนิดนึงก็มะได้เนาะ

Wednesday, September 16, 2009

เครื่องดักควัน เตือนไฟไหม้ร้อง....จ๊ากกกกกกกก



16 กันยายน 2552

ตั้งแต่คราวที่ดารินทำหม้อไหม้บนเตานั้นเป็นครั้งแรกที่โอ้ทอยู่ที่นี่และได้ยินเสียงเครื่องเตือนไฟไหม้ (จับควันได้จะร้องทันที) ดังสนั่น บาดหัวจิตหัวใจจริงๆ หลังจากนั้นมา ไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับควัน ไม่ได้ทำกับข้าว เครื่องก็ร้องเอง เพื่อนบอกว่าอาจเป็นควันจากน้ำมั้ง(น้ำร้อนจากก๊อก) สิ่งที่เคยเห็นดารินทำคือเอาผ้า หรืออะไรมาปัดหน้าเครื่องให้ควันหายไป อาจเป็นฝุ่น เครื่องจะหยุดร้อง

เงียบไปไม่กี่สัปดาห์เกิดดังขึ้นมาอีก คราวนี้นกอยู่บ้านคนเดียวโทรหาโอ้ททำอะไรไม่ถูก โอ้ทเลยบอกให้รีบแต่งตัวออกไปทำงานซะ ปล่อยให้มันร้องไป ข้างบ้านเขาคงแตกตื่น แล้วมางัดบ้านแน่ๆ แต่ไม่มีเหตุการณ์ที่คิดไว้

บอกดารินแล้วก็เฉยๆ เพราะไม่ร้องอีกนาน จนกระทั่งเมื่อวันจันทร์นี่เอง จู่ๆ ก็ร้อง เฮ้อ! นั่งเย็บผ้าอยู่ ยังไม่ได้เปิดเตาทำอาหารสักนิด (ตั้งแต่วันหม้อไหม้ทุกครั้งที่ทำอาหารจะเปิดพัดลมดูดควันเสมอจนกระทั่งปัจจุบัน) นกอาบน้ำอยู่วิ่งแจ้นลงมาข้างล่าง เลิ่กลั่ก อะไรอีกเนี่ย โอ้ทกำลังปัดอยู่ที่เครื่อง (เครื่องติดอยู่บนเพดานห้องซักผ้า ตัวนิดเดียวแต่เสียงดังจับใจ) วันนี้ผ่านไป ไม่ดังอีกตลอดวัน ดารินกลับมาตอนเย็นจัดการถอดเจ้ากล่องเครื่องออกจากระบบไฟ โอ้ทกับนกดีใจคงไม่มีอะไรมาทำให้ประสาทอีก ดารินบอกนกว่า No more alarm!

แต่เช้าวานนี้ จู่ๆ ดังขึ้นมาอีก อ้าว! ไรอีกฟะ โอ้ทเอาผ้าไปปัด ๆ ๆ ๆ ตรงช่องที่เหลือแต่สายไฟ(ถอดกล่องดักควันออกไปแล้ว) แต่เสียงมันมาจากทางลงใต้ดิน เอ้า! นี่อีกกล่องเหรอเนี่ย ทำไงล่ะ ไม่ยอมหยุด โทรๆๆๆๆ หาดารินหลายรอบ ไม่อยู่ห้องแลป ฝากข้อความไว้โทรกลับด่วน ร้องอีกแล้ว ทำไงดี อยากจะตัดสายไฟออกก็กลัว ตัดสินใจเดินไปดูเพื่อนบ้านซิว่ามีผู้ชายอยู่บ้านกันหรือเปล่า แต่ดูแล้วไม่มีใครเลย...แง ๆ ๆ ทำไงดีน๊า ทำอะไรไม่ถูก เครื่องดับไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะร้องอีกเมื่อไร ไม่เป็นอันทำอะไรกัน กังวลมาก ๆ ชาวบ้านเขาจะแตกตื่นกันมา เอ/!หรือโทรเรียก 911 ดีหว่า? จะให้นกโทรหาเดวิด นกบอกเดวิดไม่รับโทรศัพท์ระหว่างทำงานนะซิ ดารินไม่โทรกลับมาซะที โอ้ย!

นึกออกแล้ว!มีเพื่อนที่นิวยอร์ก โทรหาคนนี้ล่ะ พอเพื่อนรับสาย โอ้ทก็พูด ๆ จนเพื่อนฟังไม่ทันTongue out เพื่อนบอกใจเย็นๆ และถาม"เครื่องของดับเพลิงใหญ่ หรือในบ้านตัวเอง" บอกไปว่าในบ้าน เพื่อนก็ยุ่งๆ เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์เข้าตลอดเวลา (เพื่อนกำลังทำงาน) ดีที่เพื่อนเป็นเจ้าของร้านเอง เพื่อนขอโทรกลับอีกทีเพราะฟังโอ้ทไม่รู้เรื่อง

เมื่อคุยกันเข้าใจ โอ้ทอยากตัดสายไฟออกเพื่อตัดสัญญาณ เพื่อนบอกต้องไปตัดสวิทช์ที่เบรคเกอร์ซึ่งมีอยู่หลายสิบสวิทช์ ทำไงล่ะไม่รู้ตัวไหนเพราะไม่ได้มีเขียนกำกับไว้ด้วย เพื่อนแนะนำว่าให้จุดไฟจ่อที่ตัวต้นเหตุเสียงแล้วดับสวิทช์จนกว่าเสียงจะหยุด ต้าย! แบบนี้ เพื่อนบ้านเขาไม่แห่กันมาที่บ้าน แตกตื่นกันเหรอ ไม่เอาดีกว่า โทรหาดารินอีกรอบว่าจะออกไปส่งนกแล้วไปอยู่บ้านเพื่อนอีกคนน่ะ อยู่ไม่ไหว ประสาทเสีย ถ้าดังอีกจะปล่อยให้ตำรวจมาแล้วโทรตามเจ้าของบ้านแล้วกัน คราวนี้จะได้มีคนช่วยโอ้ทตัดสาย แต่ตลอดวันไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่มีใครโทรตามแสดงว่าทุกอย่างสงบ

ตกเย็นยังไม่ถึงเวลาดารินเลิกงาน โอ้ทกลับเข้าหมู่บ้านแต่ไม่เข้าบ้าน ไปนั่งถักผ้าพันคอใต้ต้นไม้ในสวนสาธารณะใกล้ๆ จนถึงเวลาดารินถึงบ้าน แต่ดารินยังไม่ถึงสักที โอ้ทกลับมาที่บ้านแต่ยังไม่เข้าบ้าน รดน้ำต้นไม้ เดินดูต้นไม้รอบๆ จนกระทั่งดารินมา (ระหว่างรอเป็นเวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง) ตั้งแต่นั่นทุกย่างปกติ จนกระทั่ง 3 ทุ่มโอ้ทออกไปรับนกจากโรงเรียน เข้ามานกบอกดารินอีกรอบ(เรื่องเดียวกัน) ดารินบอกไม่รู้เพราะอะไร

โอ้ทกับนกคุยกันว่า อยากให้เครื่องดังคืนนี้ดารินจะได้รู้และทำอะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้ดังอีกตอนอยู่กัน 2 คน ทำอะไรไม่ถูกอีก

แล้วก็เป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น เครื่องร้องสนั่น 2-3 รอบ ดารินเดินแกะออกหมดเลย โอ้ทถึงได้รู้ว่า มีทั้งหมด 3 เครื่องแน่ะ..โอ้ะโอ้ ในครัว (ถอดก่อนแล้ว) บันไดลงใต้ดิน หน้าห้องข้างบน คราวนี้ละ สบายใจ ไม่มีเสียงอีกแน่นอน แต่ดารินคงซื้อเครื่องใหม่มาติดเพราะถ้าไม่มีก็อันตรายเหมือนกัน เพราะเหตุการณ์ที่ดารินทำหม้อไหม้ นั่นน่ะพิสูจน์ได้เลยว่าเจ้านี่มีประโยชน์จริงๆ ไม่เช่นนั้นป่านนี้คงไม่ได้มานั่งเม้าท์อยู่นี่...จบข่าว



ได้เวลาจัดการตัวเอง แล้วออกไปเรียนปั้นล่ะ

ไหม้อีกแล้ว

Monday, September 14, 2009

ประสบการณ์ใหม่ที่อยากทำมานานแล้ว

Webfetti.com



วันนี้มาอีกรอบก่อนนอน เพราะอยากจะเล่ามาก ๆ



ท้าวความจากเพื่อนคนไทย"บิ๋ม" กลับมาเรียน ป.เอกที่ มหาวิทยาลัยที่นี่ด้วยทุนของมหาวิทยาลัย เมื่อปีที่แล้วมาทำวิจัยต่อเนื่องกับที่เรียนกับจุฬาฯ บิ๋มบอกว่าเคยสอนภาษาไทยให้กับ มาเรีย (อเมริกัน) ซึ่งอยากพูดภาษาไทยกับสะใภ้ที่เป็นคนลาวแต่พูดไทยเพราะสะใภ้อยู่ไทยนานหลายปี บิ๋มแนะนำให้มาเรียรู้ว่ามีโอ้ทอยู่และสนใจจะสอน เราติดต่อกันทางอีเมล์ 1 สัปดาห์เพื่อนัดแนะและจัดวันเวลาที่สะดวกตรงกัน สรุปเป็นวันจันทร์บ่าย 3 และวันนี้เป็นวันแรก ดีที่บ้านมาเรียอยู่ไม่ไกลจากบ้าน แต่เราตกลงนัดเจอกันที่ร้านขนมปังในดาวน์ทาวน์ โอ้ทต้องไปจอดรถที่โบสถ์เพราะมีที่เดียวจอดได้ไม่เสียค่าจอด และเป็นช่วงเวลาเย็นรถไม่มากเพราะเดย์แคร์เลิกแล้ว ไม่เช่นนั้นจะไม่มีที่วางเลยเพราะบรรดาพ่อ แม่ ผู้ปกครองมารับเด็กๆ โอ้ทเคยเรียนภาษาที่โบสถ์อยู่ระยะนึง เลยแวบมาจอดได้ระยะสั้นๆ ไม่ได้จอดทั้งวันไม่มีปัญหา ยิ่งช่วงที่ลานจอดว่างด้วยยิ่งไม่ต้องกังวล จากโบสถ์เดินไปร้านขนมปัง 2-3 นาที โทรหามาเรียก่อนเพราะเป็นเวลา 3 โมงพอดี มาเรียอยู่ที่ร้านแล้ว ไปถึงมองหาไม่ยากเพราะมาเรียนั่งใกล้ประตูทางเข้า วันแรกสร้างความประทับซะหน่อย Smile ถือขนมไทยที่ซื้อมาจากแม่ค้าหวาน (เพื่อนคนไทยอยู่ พิทเบิร์ก เพ็นซิลวาเนีย) เอาไปฝากด้วย แนะนำตัวกันเล็กน้อย มาเรียมีหนังสือภาษาไทยที่เรียนมาให้ดู เปิดไอพ๊อตที่อัดเสียงไว้แต่ไม่สำเร็จ เอาแลบท้อปมาด้วยเพราะอาจได้ใช้เปิดดูเวบที่น่าสนใจเพื่อฝึกออกเสียง มาเรียพูดได้หลายคำ โอ้ทถามให้แน่ใจว่ามาเรียอยากพูดอย่างเดียวหรืออ่าน เขียนด้วย สรุป สอนทุกอย่าง

วันแรกของการสอนที่ไม่ได้เตรียมตัวไป และได้บอกไว้ก่อนว่าไม่เคยสอน สอนไม่เป็น และจะสับสนตัวเองประจำ ดีที่ไม่กดดัน ไม่ซีเรียสมาก สอนแบบที่อยากสอนได้เลย Party มาเรียยังนับเลข ไม่เป็น รู้จักพยัญชนะไม่กี่ตัว วันนี้สอน วันในสัปดาห์ วันนี้ เมื่อวาน พรุ่งนี้ สอนเขียน ก ข ฃ ค ต จากนั้นมาเรียถามว่ามีปัญหาภาษาอังกฤษตรงไหน โอ้ทบอกไปว่าไม่รู้ แต่อยากให้มาเรียช่วยแก้ไขเวลาคุยแล้วพูดผิดทุกครั้ง จะได้ใช้ให้ถูกต้อง คราวหน้ามาเรียจะเอาบทความที่ใช้สอนนักเรียนที่สถาบันภาษาอังกฤษ มาให้อ่าน และอธิบายว่าเข้าใจอย่างไร ...ดี ๆ งานนี้ไม่ได้ค่าตอบแทนเป็นเงิน แต่ได้ฝึกภาษาอังกฤษ และ ได้ประสบการณ์สอนที่ไม่เคยทำมาก่อน และอยากทำมากๆ สอนภาษาไทยให้ต่างชาติ คราวต่อไปตกลงกันว่าจะไปเจอกันที่ห้องสมุด ทุกวันจันทร์ มาเรียจะจองห้องไว้สำหรับ เรา 2 คน จะได้ไม่รบกวนผู้ใช้ห้องสมุดคนอื่น ๆ....เย ๆ



เย็นนี้ไปเรียนภาษาอังกฤษตามปกติ มีบิ๋มไปเรียนด้วยและจะไปทุกวันจันทร์ โอ้ทพูดมาก มาก มาก มาก ไม่ว่าครู และเพื่อนร่วมห้องพูดอะไร ก็จะมีเรื่องเล่าคล้าย ๆ กันประจำ บอกครูไปว่าบิ๋มคุยไม่เก่ง ครูเลยว่าตรงกันข้ามกับโอ้ทเลยซิน่ะ...ฮ่าฮ่า เอาขนมแม่ค้าหวานไปฝากเพื่อนๆ กับ ครูอีกเหมือนกัน สั่งซื้อมาโดยเฉพาะ ทุกคนชอบ



กินยาแล้ว เริ่มง่วง เวียนหัวด้วยคงเพราะกินยาไปเมื่อตอนหาหมอที่คลินิคแล้วไม่ได้นอนแน่ ๆ งั้นไปอาบน้ำนอนดีกว่า



ไปหาหมอมาแล้วคนเดียวด้วย...เก่งจริง จริง

ภาพปี 2553 แพ้มากกว่าปี2552

เมื่อเช้าไปส่งนกที่โรงเรียน ถามนกคลินิคที่ไปหามาเมื่อวันเสาร์อยู่ตรงไหน นกบอกจะไปเป็นเพื่อนตอนบ่าย แต่โอ้ทกล้วมาไม่ทันสอนภาษาไทยให้มาเรีย (มาเรียมีสะใภ้คนลาวพูดภาษาไทย อยากพูดไทยกับสะใภ้ มาเรียเคยเรียนกับเพื่อนของโอ้ทแต่เพื่อนไม่ว่างดังนั้นแนะนำให้โอ้ทสอน แต่ไม่ได้เงินนะ แลกเปลี่ยนด้วยการที่มาเรียสอนภาษาอังกฤษให้โอ้ท คนละหนึ่งชั่วโมงสลับกัน )  นกไม่ได้บอกอะไร แยกจากนกขับตรงไปตามสถานที่แต่ไม่รู้จุดที่แน่นอน วนเข้าไปดูด้านโรงพยาบาล ไม่มีแฮะ งั้นคงอีกฝากนึง ออกมา เจอแล้ว..เย เก่งมากหาจนเจอ เข้าไปยื่นบัตรประกันสุขภาพ กรอกเอกสารคนไข้ใหม่แล้วนั่งรอ คนไข้มีไม่เยอะแต่มาเรื่อยๆ จุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาล เดาว่าเหมือนแผนกฉุกเฉิน แต่เปิดรับคนไข้ทั่วไปด้วย มีป้ายในห้องหมอเขียนไว้ว่ากรณีมีคนป่วยเจ็บหนักเข้ามา เจ้าหน้าที่ต้องรับก่อน ซึ่งอาจทำให้คนไข้อื่น ๆ ต้องรอนาน ฉะนั้นคนไข้ต้องยอมรับข้อนี้ด้วย เจ้าที่หน้าเรียกเข้าไป สอบถามเป็นอะไรมา กินยาอะไรมาหรือเปล่า ประจำเดือนล่าสุดเมื่อไร วัดความดัน วัดไข้ แล้วให้กลับไปนั่งรอด้านนอก รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ นั่งหนาว เพราะแอร์เย็นจัง ดูอุณหภูมิ 70 ฟาเรนไฮต์ แต่ทำไมเย็น 
พยาบาลมาเรียกเข้าไปนั่งรอหมอในห้องแป้บนึง หมอเข้ามาดูแขน ถามความเป็นมาว่าทำอะไร ก็บอกไปทำสวน ปลูกต้นไม้ และมีเพื่อนบอกว่าน่าจะเป็น poison ivy (พ้อยชันไอวี่) เกิดจากต้นไม้ชนิดหนึง หาข้อมูลในอินเตอร์เนตแล้ว แผลคล้าย ๆ กับที่เป็น เล่าให้หมอฟังว่า เป็นตุ่มเล็ก ๆ ก่อน แล้วกลายเป็นทางยาวมีน้ำใส ๆ แล้วมีตุ่มใหม่ขึ้นเรื่อย ๆ ทาครีมเจลอยู่สัปดาห์นึงไม่หายเลยไปซื้อคาลาไมน์มาทา แถมคันตามตัวด้วยอีกต่างหาก แต่ไม่เป็นตุ่มเหมือนที่แขน หมอบอกดีเพราะคาลาไมน์ช่วยทำให้แห้ง แต่หมอไม่ได้บอกว่าตกลงเป็นอะไร บอกแต่จะเขียนใบสั่งยาให้ ต้องกิน 2 สัปดาห์ โอ้ทบอกว่าไม่มีปัญหา ขอให้หายเถอะ หมอให้ยาที่กินแล้วง่วงแนะนำให้กินก่อนนอนเพราะจะได้นอนสบาย หมอบอกว่าอาบน้ำร้อนจะยิ่งคันให้ปรับไม่ให้ร้อนไม่ให้เย็นมาก เรียบร้อยหมอออกจากห้อง รอพยาบาลแป้บเดียว เข้ามาพร้อมใบสั่งยาให้เอาไปซื้อเอง พร้อมยา 1 เม็ดให้กินเลย
ค่าเสียหายวันนี้ค่าหมอ $22.60 เพราะมีประกัน ถ้าไม่มีคงจะมากกว่านี้เยอะเชียว ออกมาโทรหานกว่าต้องไปซื้อยา นกบอกมีร้านขายยาด้วยในตึกนั่น เดินกลับเข้าไป เห็นป้ายอยู่น่ะแต่ไม่แน่ใจนึกว่าเป็นของโรงพยาบาลจ่ายคนไข้เหมือนที่บ้านเรา ไปถึงยื่นบัตรประกันสำหรับซื้อยา (คนละใบกับบัตรประกันหาหมอ) พร้อมใบสั่งยา แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าครั้งแรก เจ้าหน้าที่ให้เขียนที่อยู่ เบอร์โทร แพ้ยาอะไร แล้วรอ ไม่นานได้รับยา มียาตัวที่ไม่ต้องมีใบสั่งยาด้วยต้องจ่ายเองแยกจากประกัน $6.21
เสร็จสรรพ วันนี้สบายใจล่ะไปหาหมอมาแล้ว แถมคุยรู้เรื่อง เจ้าหน้าที่ หมอ พยาบาลเข้าใจด้วย แบบนี้อยู่ได้นาน ไม่ต้องรอมิสเตอร์ถึงวันพฤหัส

ปล. เหตุที่คันคะเยอไม่รู้ว่าเพราะอะไรนี่เข้าสัปดาห์ที่ 3 แล้ว
......................................................................
จบเรื่องแล้วขอเล่าเรื่องหาหมอที่นี่ให้รู้กันหน่อยนึง 

ถ้าไม่สบายจะไปหาหมอเลยเหมือนที่บ้านเราน่ะไม่ได้เด็ดขาด โดยปกติต้องนัดก่อนทุกครั้ง จู่ ๆ เข้าไปเลยไม่ได้รับการรักษา ว่าไปแล้วทุกอย่างก็ว่าได้จะทำอะไรต้องทำการนัดกันก่อน
มาที่เรื่องป่วย ยกเว้นกรณีเลือดตก ยางออก ขั้นปางตายจะมีแผนกฉุกเฉิน หรือไปที่โรงพยาบาลได้เลยฉับพลัน หรือจะเรียกรถพยาบาลก็ได้รับถึงที่ แต่เมื่อเจอสถานที่ไม่ต้องนัดนีเป็นสิ่งที่ไม่ปกติเพราะไม่ต้องนัดก็ได้ แต่ก็ดีเพราะไม่ต้องรอ แต่มีน้อย

คนที่นี่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ประกันสุขภาพ (ประกันชีวิตร่วมกันหรือเปล่าข้อนี้ไม่รู้) และจะมีบัตรแยกระหว่างหาหมอ กับซื้อยาต่างหาก ของโอ้ทเองประกันหลักคือมิสเตอร์ แล้วเอาชื่อเข้าร่วม แต่จะมีบัตรแยกให้ต่างหากมีชื่อ ระบุชื่อและเจ้าของประกัน ตอนหาหมอยื่นบัตรหาหมอ ตอนซื้อยายื่นบัตรซื้อยา ประกันสุขภาพที่นี่รวมหาหมอฟันด้วยเพราะไปใช้มาแล้วไม่มีปัญหา ของโอ้ทจะง่ายเพราะใช้ที่เดียวกับมิสเตอร์มีชื่อ นามสกุลตรงกัน เลยไม่ยุ่งยาก ไปถึงไม่มีบัตรยื่นก็ไม่ต้องรอค้น

การจ่ายยา โรงพยาบาลจะไม่จ่ายยาให้ต้องนำใบสั่งยาที่หมอเขียนไปซื้อเองที่ ฟามาร์ซี ซึ่งมีอยู่ทั่วไป ที่นี่จะมียาที่ซื้อเองได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา ซึ่งมีขายตามห้างฯ ทั่วไปที่เคาน์เตอร์ยา หรือ ที่ฟามาร์ซีจัดให้แต่ต้องจ่ายแยกจากประกัน  ยาที่ต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้นที่ฟามาร์ซีจะขายให้ จู่ ๆ เดินไปซื้อเอง ไม่ได้ละจ้า

Wednesday, September 2, 2009

ไปดูกอล์ฟกะนิกกี้ขายแซนด์วิช...



Webfetti.com

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2552


คุยกะนกเมื่อคืนวันอาทิตย์ว่าวันจันทร์จะไปไหนกันดีเพราะนกหยุดอยู่บ้าน 1 วัน ไปทะเล หรือ ไปพิพิธภัณฑ์ดีน๊า? ตัดสินใจยังไม่ได้งั้นค่อยว่ากันพรุ่งนี้ละกัน (วันจันทร์)


รุ่งเช้าวันจันทร์โอ้ทตื่นส่งดารินตามปกติ 8 โมงเช้า หลังจากดารินไปทำงานแล้ว เริ่มจัดการตัวเองให้เรียบร้อย รีดผ้า จนใกล้เที่ยง นกเพิ่งตื่น เลยตกลงกันว่าไปทะเลคงไม่ไหวเพราะต้องใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ไป-กลับค่ำพอดี งั้นไปพิพิธภัณฑ์ละกัน Delaware Museum of Natural History ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ตกลงกันแล้วจัดการหาอะไรหม่ำๆ ให้อิ่มท้องก่อนออกเดินทาง นกก็บอกว่าไปหากอล์ฟ(เพื่อนคนไทยทำงานที่เดียวกับนก) ที่ร้านรถกันดีกว่า ไปก็ไปแต่คงไปเที่ยวไม่ทันเพราะเหลือเวลาแค่ครึ่งวันเท่านััน จากบ้านไปหากอล์ฟ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง



กอล์ฟกับเพื่อน"นิกกี้" ร่วมกันลงทุนขายแซนด์วิชมีร้านเป็นรถในมหาวิทยาลัย ที่มาที่ไปเป็นยังไงไม่ต้องพูดถึง เอาเป็นว่า เป็นกิจการดีทีเดียว ทำเป็นอาชีพหลักได้เลย แต่กระบวนการจะทำอย่างไร ถ้าใครสนใจต้องศึกษาข้อมูลดีๆ แต่ละรัฐแต่ละเมืองแตกต่างกัน



เมื่อไปถึงมหาวิทยาลัยที่กอล์ฟกะเพื่อนมีรถขายแซนด์วิชอยู่ ต้องวนเพื่อหาที่จอดรถอยู่ 2-3 รอบ เพราะเป็นช่วงเวลาเรียน ซึ่งแน่นอนรถจะเยอะ จอดรถต้องหยอดมิเตอร์ แม้กระทั่งคนขายของก็ต้องหยอด กอล์ฟเองวนเวียนไปหยอดอยู่หลายรอบกว่าจะขายหมดวัน หยอดรถที่ขับมา แต่หลัง 5 โมงเย็นจอดฟรีแล้ว ส่วนรถที่ขายของไม่แน่ใจว่ายังไง ลืมถาม



เมื่อได้ที่จอดรถแล้ว ค่อนข้างไกลจากรถแซนด์วิชของกอล์ฟกะนิกกี้ ต้องเดินกันไปล่ะ อาคารที่เห็นไม่ใช่บ้านนะจ่ะ แต่เป็นสำนักงานการศึกษาของมหาวิทยาลัย ทำอะไรลืมไปแล้ว อ่านป้ายอย่างเดียวไม่ได้จำ


นี่คืออาคารเรียนอยู่ตรงข้ามที่กับที่โอ้ทจอดรถ


ถึงแล้ว หน้าตารถแซนด์วิช มีลูกค้าอยู่พอดี สาวน้อยตัวเล็กนั่น น้องนกของเรานี่เอง



รถขายกาแฟข้างๆ กัน

รถขายอาหารไทย (มั้งเห็นรูปเดาเอา เพราะคนขายเป็นคนไทยด้วย) อยู่ใกล้กันอีกด้าน


รถของกอล์ฟกะนิกกี้ มีลูกค้ามาเข้าคิวยาว เวลาขณะนั้นบ่ายแก่ๆๆ กอล์ฟบอกว่าตอนเที่ยงยุ่งมาก ทำแทบไม่ทัน มากันเป็นแถวยาวเลย นักศึกษาหิวนะซิ

นี่ล่ะ โฉมหน้าเจ้าของกิจการทั้งสองสาวสวย


นิกกี้กำลังทำแซนด์วิชให้ลูกค้าตามสั่ง รายการจะมีสเต๊ก แฮมไข่เบค่อน อะไรก็ว่าไป จำไม่ได้แล้ว ลูกค้าสั่งปุ้บ สาวสวย ก็ทำปั้บ ไม่นานลูกค้าก็ได้อิ่ม เห็นน้องนกของเราไหมจ่ะ ยืนมองด้วยความสนใจอยากทำบ้างอะดิ..อิอิ

ภายในรถมี 2 ด้าน เป็นฝั่งกะทะร้อน กับอีกด้านติดหน้าต่างรับออเดอร์ คราวนี้สาวสวยกอล์ฟทำบ้างล่ะ เสียงดัง "ฉู่ฉ่า" แซนด์วิชร้อนๆ จ้า


คนนี้ขอแจม


เมื่อขายหมดแล้ว ขนมปังเกลีั้ยงเลย เท่าไรไม่รู้ เห็นกล่องใหญ่ๆ เดาได้ว่าเยอะทีเดียว กอล์ฟพาไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านไทยใกล้ๆ ภาพนี้เดาว่าน่าจะเป็นโบสถ์ ถ่ายตอนขับผ่าน รถติดพอดี


ขับตามกอล์ฟ


ถึงแล้วจอดรถริมถนนเหมือนเดิมแต่ไม่ต้องหยอดมิเตอร์เพราะหลัง 5 โมง ฟรี ตอนจอดไม่แน่ใจว่าหยอดหรือเปล่า แต่เห็นหลังมิเตอร์เป็นสีเขียว(หมายถึงยังมีเวลาจอดได้) บางมิเตอร์ สีแดง (หมายถึงต้องหยอดเงิน) แถมไม่มีเหรียญแล้วด้วยซิ เอาไง มีผู้ชายคนนึงเดินมาถามไป ไม่ได้เรื่องเลย แถมบอกให้ไปจอดบนตึกจอดอีกต่างหากเพราะมีคนดูแล ไม่เอาล่ะ จอดไว้แล้วเดินข้ามถนนไปเจอกอล์ฟที่รออยู่ ไม่ได้หยอดเหมือนกัน ระหว่างเดินไปร้านก๋วยเตี๋ยว

นี่ไงจ่ะ เส้นใหญ่เย็นตาโฟ ของโอ้ท จานที่เห็นด้านหลัง ผัดซีอิ้วของนก


ข้าวซอยของกอล์ฟ


อิ่มหนำพุงกาง แยกย้ายกันกลับ ที่แน่ๆ ต้องให้กอล์ฟบอกทางก่อนเพราะไม่รู้ไปทางไหน ระหว่างทางไปต้องจอดแวะปั้มเพราะนกจะเข้าห้องน้ำ ปรากฎว่าตอนออกมาจากปั้มเลี่ยวผิด หลงทางไปไหนมะรู้ กว่าจะวนกลับมาใช้เวลาเป็นชั่วโมง เพราะคิดว่าถนนสายที่รู้จักกลับบ้านได้แต่ดันไม่รู้ว่ากลับทิศไหนเพราะป้ายที่นี่จะมีบอก เหนือ ใต้ด้วย สุดท้ายกลับสู่ถนนเส้นเดิม ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ



ปล.ก่อนออกจากรถแซนด์วิชกอล์ฟ โทรบอกดารินว่าจะซื้อแซนด์วิชไปฝากเพื่อนขาย จะถึงบ้าน 18.30 ปรากฎว่าหลงทาง โทรเข้าบ้าน ไม่ยอมรับซะด้วย ที่ไหนได้คุณชายงอน...โอ้ทสายเสมอเลย


ที่นำมาเขียนเพราะอยากให้เห็นว่าชีวิตต่างแดนไม่ได้สบายอย่างที่หลายๆคนคิด ต้องสู้และทำทุกอย่างให้อยู่รอด กอล์ฟกะนิกกี้ ต้องเรียนด้วยและทำงานไปด้วย เหมือนนักเรียนไทยหลายๆ คนที่ต้องสู้ๆๆๆ อยู่ให้ได้และ ให้รอด ขอชมเชย