วันนี้ ทำงานครบ 3 สัปดาห์ ตัดสินใจลาออกเนื่องจากไม่ไหวแล้วจริงๆ สัญญากะดารินว่าจะลองทำต่ออีก 2 สัปดาห์ แต่ทำไม่ได้แล้ว หงุดหงิด เลยพลานกดดัน ทำให้ไม่สนุกกับงานเลย เรื่องราวมีอยู่ว่า
เมื่อเริ่มงานสัปดาห์แรก เป็นการเรียนรู้ นายจ้างบอกอะไร สอนอะไรก็ทำตามทุกอย่าง สัปดาห์ที่สอง เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะนายจ้างยังบอกเหมือนเดิม จับแปรงจับที่ปาดน้ำก็ต้องทำให้เหมือนเขาน่ะ ก็คิดว่าเราคงยังทำไม่ดี ก็ปรับปรุง แต่จะมีปัญหาแปรงอันใหญ่จับตามที่นายจ้างบอกจะปวดแขน และต้องฝืนน้ำหนักของแปรงเพราะไม่ถนัดตอนปาดน้ำบนกระจก เราก็พยายามหาวิธิที่ทำให้เร็วและเช็ดกระจกให้สะอาด แต่นายจ้างซิคอยดูตลอดว่าเราจับเหมือนที่เขาบอกหรือเปล่า ครั้ง สองครั้งไม่เท่าไร แต่บ่อยเกินไป เริ่มปวดหัวเล็กๆ เนื่องจากกดดัน เพราะเราไม่โต้ตอบ รับคำว่าตกลง แล้วก้มหน้าก้มตาทำไป
มาเมื่อวันศุกร์ที่แล้วหนักสุด จี้มาก จนเราทำอะไรไม่ถูกเพราะคิดว่าจะต้องไม่ถูกใจนายจ้างอีกแน่ ๆ เลยยืนเฉย ๆ ซะเลย นายจ้างคงหงุดหงิด แต่ดุเราไม่ได้มั้ง เขาก็บอกให้เราเดินเช็ดรอยน้ำ ให้รอบร้านลูกค้าที่เราเช็ดกระจกไว้ เป็นร้านสุดท้ายของวันนั้นพอดี
ระหว่างนั่งรถกลับคิดว่าจะพูดดีหรือไม่พูดดี แต่ถ้าไม่พูดแล้วไม่กลับมาทำงานอีกไม่ใช่สิ่งที่เราทำ ตัดสินใจพูดไปว่าทำงานหงุดหงิดมาก อะไรที่เขาบอกก็ทำทุกอย่างแต่เมื่อมันไม่ถนัดก็หาวิธีให้ถนัดแต่ก็ดูเหมือนจะทำให้ไม่ถูกใจ เลยทำให้งานช้า อีกอย่างด้านที่จะเริ่มเช็ดก็ไม่รู้จะไปซ้ายหรือขวาก่อน ถามเขาไปว่ามีเกณฑ์ไหมว่าจะต้องเริ่มด้านไหน เขาบอกว่าให้ทำคนละด้าน(เขาจะทำด้านใน เราทำด้านนอกแล้วให้เช็ดด้านตรงข้ามกัน เช่นถ้าเขาเช็ดซ้าย ให้เราเช็ดขวาจะได้ไม่ซ้อนกันนั่นเอง) เพราะถ้าทำด้านเดียวกันดูน้ำลำบากว่าด้านไหนเช็ดไม่หมด และไม่ให้เริ่มตรงกลาง เราย้อนไปว่า ตั้งแต่เขาบอกคราวแรกก็ไม่เคยเริ่มตรงกลาง ส่วนด้านเริ่มไม่ให้ตรงกัน เพิ่งจะมาบอกสัปดาห์ที่ 3 แล้วฉันจะรู้ไหมล่ะ พอจะเริ่มด้านไหน เขาก็จะมาบอกให้ไปอีกด้านทุกที จากนี้ไปก็รู้แล้วล่ะ เขาเคยบอกว่าต้องทำแบบนี้น่ะ
เมื่อเริ่มงานสัปดาห์แรก เป็นการเรียนรู้ นายจ้างบอกอะไร สอนอะไรก็ทำตามทุกอย่าง สัปดาห์ที่สอง เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะนายจ้างยังบอกเหมือนเดิม จับแปรงจับที่ปาดน้ำก็ต้องทำให้เหมือนเขาน่ะ ก็คิดว่าเราคงยังทำไม่ดี ก็ปรับปรุง แต่จะมีปัญหาแปรงอันใหญ่จับตามที่นายจ้างบอกจะปวดแขน และต้องฝืนน้ำหนักของแปรงเพราะไม่ถนัดตอนปาดน้ำบนกระจก เราก็พยายามหาวิธิที่ทำให้เร็วและเช็ดกระจกให้สะอาด แต่นายจ้างซิคอยดูตลอดว่าเราจับเหมือนที่เขาบอกหรือเปล่า ครั้ง สองครั้งไม่เท่าไร แต่บ่อยเกินไป เริ่มปวดหัวเล็กๆ เนื่องจากกดดัน เพราะเราไม่โต้ตอบ รับคำว่าตกลง แล้วก้มหน้าก้มตาทำไป
มาเมื่อวันศุกร์ที่แล้วหนักสุด จี้มาก จนเราทำอะไรไม่ถูกเพราะคิดว่าจะต้องไม่ถูกใจนายจ้างอีกแน่ ๆ เลยยืนเฉย ๆ ซะเลย นายจ้างคงหงุดหงิด แต่ดุเราไม่ได้มั้ง เขาก็บอกให้เราเดินเช็ดรอยน้ำ ให้รอบร้านลูกค้าที่เราเช็ดกระจกไว้ เป็นร้านสุดท้ายของวันนั้นพอดี
ระหว่างนั่งรถกลับคิดว่าจะพูดดีหรือไม่พูดดี แต่ถ้าไม่พูดแล้วไม่กลับมาทำงานอีกไม่ใช่สิ่งที่เราทำ ตัดสินใจพูดไปว่าทำงานหงุดหงิดมาก อะไรที่เขาบอกก็ทำทุกอย่างแต่เมื่อมันไม่ถนัดก็หาวิธีให้ถนัดแต่ก็ดูเหมือนจะทำให้ไม่ถูกใจ เลยทำให้งานช้า อีกอย่างด้านที่จะเริ่มเช็ดก็ไม่รู้จะไปซ้ายหรือขวาก่อน ถามเขาไปว่ามีเกณฑ์ไหมว่าจะต้องเริ่มด้านไหน เขาบอกว่าให้ทำคนละด้าน(เขาจะทำด้านใน เราทำด้านนอกแล้วให้เช็ดด้านตรงข้ามกัน เช่นถ้าเขาเช็ดซ้าย ให้เราเช็ดขวาจะได้ไม่ซ้อนกันนั่นเอง) เพราะถ้าทำด้านเดียวกันดูน้ำลำบากว่าด้านไหนเช็ดไม่หมด และไม่ให้เริ่มตรงกลาง เราย้อนไปว่า ตั้งแต่เขาบอกคราวแรกก็ไม่เคยเริ่มตรงกลาง ส่วนด้านเริ่มไม่ให้ตรงกัน เพิ่งจะมาบอกสัปดาห์ที่ 3 แล้วฉันจะรู้ไหมล่ะ พอจะเริ่มด้านไหน เขาก็จะมาบอกให้ไปอีกด้านทุกที จากนี้ไปก็รู้แล้วล่ะ เขาเคยบอกว่าต้องทำแบบนี้น่ะ
นี่เป็นอีกอย่างที่ต้องคิด ก็ตอบรับทราบไป แต่ในใจคิดว่า กรูก็คิดได้ แล้วลองแล้ว แต่มันไม่ถนัดนี่หว่า แต่สรุปว่าที่คุยกันทั้งหมดเขาก็เสียงดังข่มประมาณว่าให้เราหยุดพูด เลยหยุดตามที่เขาต้องการแหละเพราะพูดไปก็เหนื่อยเปล่า เขาคิดว่าเราไม่พอใจตัวเองที่ทำงานช้า ไม่ได้ดีก็ให้เขาคิดไป
พักผ่อนเสาร์ อาทิตย์ กลับไปทำใหม่
เริ่มวันแรกสัปดาห์นี้ สบายใจทั้งวัน ไม่บอก ไม่จี้ ค่อยดีหน่อย แต่....ก่อนจะเลิก 1 ชั่วโมง เริ่มอีกแล้ว เราก็จี๊ดขึ้นอีก แต่ก็ยังรับคำ"ได้ ๆ ตกลง" แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำไป แต่ไม่ยิ้มเลย เสร็จงานนั่งรถกลับ นายจ้างถามว่าทำไมไม่ยิ้มเหมือนตอนแรก ๆ เลย นึกในใจว่า กรูหงุดหงิดจะยิ้มได้ไง ฟะ..หยุด 1 วันไปเรียนปั้นพักผ่อนเสาร์ อาทิตย์ กลับไปทำใหม่
เริ่มไปทำอีกวัน วันนี้จี้เหมือนเดิมเลย จนทนจะไม่ไหว ตัดสินใจจะเลิกทำเด็ดขาด แต่ทนทำให้หมดวัน
วันต่อมาฝนตกไม่ทำเพราะลูกค้าไม่ชอบให้เช็ดกระจกตอนฝนตก เลยได้พัก ตั้งใจไว้พรุ่งนี้อีกวัน ถ้าไม่ดีขึ้นก็ไม่ทำต่อแล้ว
ก่อนหน้าคุยกะดารินแล้วว่าไม่อยากทำแล้ว ตามรายละเอียดที่เล่ามา ดารินให้ลองอีก 2 สัปดาห์ ถ้าไม่ดีขึ้นก็ไม่ว่ากัน แต่วันนี้กลับมาบอกดารินว่า จบกันแล้วนะไม่ไปอีกแล้ว ดารินบอกว่า บอสก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ทำงานอื่นก็ต้องเจอเหมือนเดิม แต่เราก็ตอบไปว่า มั่นใจว่ามีบอสบางคนที่ไม่มาจี้ว่าต้องทำอย่างนี้ ทุกกระเบียด แต่จะบอกงานให้ทำแล้ว ปล่อยให้ทำไปให้ได้ผลงานออกมา
วันนี้ทำงานเงียบมาก ให้ทำอะไร แบบไหน ทำหมด แถมนายจ้างลืมอุปกรณ์ไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ด้วย ไปหาแล้วไม่เจอ จะฟังหุ้นวิทยุก็มีเสียงอื่นแทรกอีก เขาบอกว่าเป็นวันไม่ดีของเขา
เสร็จงานระหว่างนั่งรถกลับเราบอกไปว่าไม่มาแล้วน่ะ เขาคิดว่าเราหมายถึงไม่ทำต่อแล้ววันนี้ เพราะมีอีกร้านนึงลืมไปทำ เราตอบว่าไม่ใช่ หมายถึงไม่มาถาวร เหนื่อย ทำงานก็ไม่ดีขึ้น หงุดหงิดมาก ๆ
เขาตอบมาว่าเราคิดผิด เราทำงานดีขึ้นเรื่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ไม่เห็นต้องหงุดหงิดเลย งานแทบไม่ได้ทำมากเพราะนั่งอยู่ในรถมากกว่า (ต้องขับตระเวนไปตามศูนย์การค้าเพื่อเช็ดร้านต่าง ๆ) เขาว่าไม่ใช่งานแน่ ๆ ที่ทำให้หงุดหงิด ให้ไปคิดใหม่ตัดสินใจด่วนอย่างนี้ไม่ถกต้อง เราบอกไปว่าตัดสินใจมาอาทิตย์แล้ว คุยกะดารินแล้วด้วย นึกในใจจะพูดไปดีไหมว่าเพราะคุณนะแหละ แต่ไม่พูดดีแล้ว เพราะแค่บอกเลิกทำเขายังขับรถเกือบจะชนคันอื่นถ้าบอกไปสงสัยจะโดนตะหวาด แล้วปล่อยลงข้างทางเปล่ามะรู้น้อ
นายจ้างบอกว่าถ้าจะกลับมาทำอีกวันจันทร์ให้โทรบอกคืนวันอาทิตย์ แต่ถ้าไม่มาแน่นอน ก็ไม่ต้องโทร
ถึงบ้านบอกดาริน ทำตามที่รับปากไว้ไม่ได้แล้ว ทนไม่ไหวแล้วล่ะ เงินน่ะอยากได้อยู่ แต่แบบนี้ขอเลิกดีกว่า
จบกัน งานแรก ไม่ถึงเดือน