8 กรกฎาคม 2558
ดูอัลบัมภาพ
วันนี้มีเหตุ เหมือนฝันที่เป็นจริง แต่ไม่ใช่ฝันดีสักเท่าไร เป็นฝันร้ายเกือบจะร้ายมาก แต่สุดท้ายฝันร้ายกลายเป็นดี เหตุมีอยู่ว่า...
หลังจากพนักงานรถบัสสาวพูดภาษาไทยเก่งส่งนักท่องเที่ยวปลายทางแล้ว มีเวลาร่วมสองชั่วโมง มิสเตอร์และป้าพากันเดินขึ้นเขาเพื่อจะไปให้ถึงปลายทางบนเขาปู้นนนน นั่นคือบึง(อะไรสักอย่างป้าโอ้ทจำไม่ได้แล้ว เพราะกว่าจะเขียนเล่าผ่านมาหนึ่งปี) กว่าจะเดินขึ้นไป เอ้ย! ตะกายกันขึ้นไป (หมายถึงสองป้านะเพราะมิสเตอร์นำหน้าหายไปก่อนร่วมครึ่งชั่วโมง) หอบแห่ก หลายแห่ก ป้าโอ้ทต้องเดินไปพักไป เพราะไม่เช่นนั้นหอบขึ้นแน่ๆ ปกติเดินบนเขาก็จะเดินไป พักไปแบบนี้ล่ะ แต่ไม่กังวลเวลาเหมือนครั้งนี้นะ
ในที่สุดมิสเตอร์เดินสวนทางมา บอกว่าไปได้แค่บึงเล็ก จะไปถึงปลายทางที่ตั้งใจเวลาเราไม่พอนะ เหลือเวลาเพียงสามสิบนาทีเราต้องเดินลงกันแล้วล่ะ ป้าโอ้ทกะพี่แดงให้มิสเตอร์พาเดินไปจนถึงบึง สร้างภาพกันเล็กน้อย แล้วรีบเดินกลับ แต่ด้วยหนทางไม่ได้ราบเรียบเน่อะ ก็บนเขา แล้วยังต้องเร่งกับเวลาด้วย ป้าโอ้ทบอกมิสเตอร์ให้ล่วงหน้าไปก่อนเลยนะ เผื่อไม่ทันยังไงจะได้แจ้งทางเรือว่าสองป้ายังไม่ถึงเรือ
สองป้ากึ่งเดินกึ่งวิ่ง แทบจะกลิ้งตกจากเขา มองลงมาเห็นเรือลำโต ค่อยชื้นใจนิด (ชื้นจริงๆ ไม่ใช่ชื่นใจ เพราะเรือยังอยู่) ลงมาถึงพื้นราบสองคนยังคงจ้ำพรวด ดูเหมือนจะใกล้ แต่ทำไมไม่ถึงสักที
ในที่สุด(รอบที่สอง) เราก็ถึงเรือ มีเวลาตั้งยี่สิบนาที สองสาวสร้างภาพกันสบายใจ จนกระทั่งเดินเข้าไปถึงจุดเช็คนักท่องเที่ยวกลับเข้าเรือ เราสองคนอยู่คนละแถว พี่แดงเช็คก่อน ปรากฎว่าการ์ดตีคืน พี่แดงไม่มีบันทึกของเรือ ป้าโอ้ทรีบพรวดไปที่เจ้าหน้าที่แถวพี่แดง ให้ข้อมูลห้อง ชื่อของตัวเอง แล้วก็ผลเดียวกับพี่แดง ตอนนั้นป้าโอ้ทใจป่วนแล้ว งานเข้า! ถามเจ้าหน้าที่ทันที " ฉันมาเรือถูกไหม" เจ้าหน้าที่ดูการ์ดเราสองคน ตอบมาว่า " ไม่ถูก " เอาล่ะงานนี้ ได้เป็นหมูเฝ้าเกาะกันแน่ๆ เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่เรือลำตรงข้ามที่มองเห็น สองคนไม่รอช้า รีบจ้ำพรวดๆ ใช้เวลาสิบนาทีถึงเรือ ในระยะทางประมาณหนึ่งไมล์ คราวนี้ป้าโอ้ทรอบคอบขึ้นมาเชียว ก่อนจะถึงเรือลำที่มุ่งนี้ไป เห็นชื่อประจำเรือ เฮ้ย! ไม่ใช่ลำนี้ ยังไม่แน่ใจ หันไปถามนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินกลับเรือว่า เรือลำนี้ชื่ออะไร ได้คำตอบมา ชัวร์ป้าบบบบบ! หันไปบอกพี่แดง เรามาผิดลำอีกแล้ว
สงสารพี่แดงมาก หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มอีก ป้าโอ้ทโบกรถหลายคันแต่ไม่มีใครจอด พี่แดงบอกว่าเหนื่อย ป้าโอ้ทสงสาร ตัวเองก็เหนื่อย เริ่มจะหอบแต่ปากบอกพี่แดงไปว่า " ยังไงก็หยุดไมไ่ด้นะ" เหลือเวลาไม่ถึงสิบนาที เราจะทันไม่ทันต้องเสี่ยงล่ะ
ในระหว่างนั้นป้าโอ้ทเห็นรถแวนคันหนึ่งขับวนอยู่แถวนั้น นึกในใจว่า อยากจะขอให้เขาไปส่งที่เรือ แต่ไม่ทัน รถขับออกไปจากตรงนั้นซะก่อน และแล้วเราก็ผ่านเรือลำแรกที่ไปผิด นั่นล่ะถึงได้พบว่า เราสะเพร่า มัวแต่ถ่ายรูป ไม่ดูป้ายบอกทาง เดินผ่านไปได้
เรืออยู่ตรงหน้า แต่ระยะทางช่างแสนไกล เหลือเวลาห้านาที โอ้ย! ไม่รอดแน่ๆ ในใจป้าโอ้ทนึกว่า ถ้าเรือขยับแล่นออกไปต่อหน้าต่อตา ในขณะที่เราไปถึงท่าพอดี เราคงจะเศร้ากันที่สุด แต่แล้วเหมือนสวรรค์เข้าข้างเราสองคน รถแวนคันที่ป้าโอ้ทเห็นก่อนหน้านั้นมาจอด มีคนตะโกนว่า " ยูจะไปเรือนั่นใช่ไหม รถมารับยู" เยๆๆ รอดแล้ว ป้าโอ้ทหายใจไม่สะดวก หันไปดูพี่แดง ซีดกว่าเดิม
เมื่อรถแวนจอดหน้าท่าเรือ เราสองคนรีบวิ่งๆ เข้าไป นักท่องเที่ยวบนลำเรือ ไม่รู้จำนวนกี่พัน ทุกคนที่อยู่บนระเบียงห้องตัวเองโห่ลงมาที่สองป้า สนั่นท่าเรือ เมื่อเช็คเข้าเรือเรียบร้อย หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำเรือ ตักเตือนเราเหมือนเด็กน้อย และแจ้งให้เจ้าหน้าที่อีกคนโทรแจ้งมิสเตอร์ว่าเรากลับมาแล้ว พนักงานคนนึงกระซิบบอกป้าโอ้ทว่า ยูโชคดีนะเนี่ย อีกห้านาทียูได้นอนที่เกาะนี้แล้ว
ดูอัลบัมภาพ
วันนี้มีเหตุ เหมือนฝันที่เป็นจริง แต่ไม่ใช่ฝันดีสักเท่าไร เป็นฝันร้ายเกือบจะร้ายมาก แต่สุดท้ายฝันร้ายกลายเป็นดี เหตุมีอยู่ว่า...
หลังจากพนักงานรถบัสสาวพูดภาษาไทยเก่งส่งนักท่องเที่ยวปลายทางแล้ว มีเวลาร่วมสองชั่วโมง มิสเตอร์และป้าพากันเดินขึ้นเขาเพื่อจะไปให้ถึงปลายทางบนเขาปู้นนนน นั่นคือบึง(อะไรสักอย่างป้าโอ้ทจำไม่ได้แล้ว เพราะกว่าจะเขียนเล่าผ่านมาหนึ่งปี) กว่าจะเดินขึ้นไป เอ้ย! ตะกายกันขึ้นไป (หมายถึงสองป้านะเพราะมิสเตอร์นำหน้าหายไปก่อนร่วมครึ่งชั่วโมง) หอบแห่ก หลายแห่ก ป้าโอ้ทต้องเดินไปพักไป เพราะไม่เช่นนั้นหอบขึ้นแน่ๆ ปกติเดินบนเขาก็จะเดินไป พักไปแบบนี้ล่ะ แต่ไม่กังวลเวลาเหมือนครั้งนี้นะ
ในที่สุดมิสเตอร์เดินสวนทางมา บอกว่าไปได้แค่บึงเล็ก จะไปถึงปลายทางที่ตั้งใจเวลาเราไม่พอนะ เหลือเวลาเพียงสามสิบนาทีเราต้องเดินลงกันแล้วล่ะ ป้าโอ้ทกะพี่แดงให้มิสเตอร์พาเดินไปจนถึงบึง สร้างภาพกันเล็กน้อย แล้วรีบเดินกลับ แต่ด้วยหนทางไม่ได้ราบเรียบเน่อะ ก็บนเขา แล้วยังต้องเร่งกับเวลาด้วย ป้าโอ้ทบอกมิสเตอร์ให้ล่วงหน้าไปก่อนเลยนะ เผื่อไม่ทันยังไงจะได้แจ้งทางเรือว่าสองป้ายังไม่ถึงเรือ
สองป้ากึ่งเดินกึ่งวิ่ง แทบจะกลิ้งตกจากเขา มองลงมาเห็นเรือลำโต ค่อยชื้นใจนิด (ชื้นจริงๆ ไม่ใช่ชื่นใจ เพราะเรือยังอยู่) ลงมาถึงพื้นราบสองคนยังคงจ้ำพรวด ดูเหมือนจะใกล้ แต่ทำไมไม่ถึงสักที
ในที่สุด(รอบที่สอง) เราก็ถึงเรือ มีเวลาตั้งยี่สิบนาที สองสาวสร้างภาพกันสบายใจ จนกระทั่งเดินเข้าไปถึงจุดเช็คนักท่องเที่ยวกลับเข้าเรือ เราสองคนอยู่คนละแถว พี่แดงเช็คก่อน ปรากฎว่าการ์ดตีคืน พี่แดงไม่มีบันทึกของเรือ ป้าโอ้ทรีบพรวดไปที่เจ้าหน้าที่แถวพี่แดง ให้ข้อมูลห้อง ชื่อของตัวเอง แล้วก็ผลเดียวกับพี่แดง ตอนนั้นป้าโอ้ทใจป่วนแล้ว งานเข้า! ถามเจ้าหน้าที่ทันที " ฉันมาเรือถูกไหม" เจ้าหน้าที่ดูการ์ดเราสองคน ตอบมาว่า " ไม่ถูก " เอาล่ะงานนี้ ได้เป็นหมูเฝ้าเกาะกันแน่ๆ เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่เรือลำตรงข้ามที่มองเห็น สองคนไม่รอช้า รีบจ้ำพรวดๆ ใช้เวลาสิบนาทีถึงเรือ ในระยะทางประมาณหนึ่งไมล์ คราวนี้ป้าโอ้ทรอบคอบขึ้นมาเชียว ก่อนจะถึงเรือลำที่มุ่งนี้ไป เห็นชื่อประจำเรือ เฮ้ย! ไม่ใช่ลำนี้ ยังไม่แน่ใจ หันไปถามนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินกลับเรือว่า เรือลำนี้ชื่ออะไร ได้คำตอบมา ชัวร์ป้าบบบบบ! หันไปบอกพี่แดง เรามาผิดลำอีกแล้ว
สงสารพี่แดงมาก หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มอีก ป้าโอ้ทโบกรถหลายคันแต่ไม่มีใครจอด พี่แดงบอกว่าเหนื่อย ป้าโอ้ทสงสาร ตัวเองก็เหนื่อย เริ่มจะหอบแต่ปากบอกพี่แดงไปว่า " ยังไงก็หยุดไมไ่ด้นะ" เหลือเวลาไม่ถึงสิบนาที เราจะทันไม่ทันต้องเสี่ยงล่ะ
ในระหว่างนั้นป้าโอ้ทเห็นรถแวนคันหนึ่งขับวนอยู่แถวนั้น นึกในใจว่า อยากจะขอให้เขาไปส่งที่เรือ แต่ไม่ทัน รถขับออกไปจากตรงนั้นซะก่อน และแล้วเราก็ผ่านเรือลำแรกที่ไปผิด นั่นล่ะถึงได้พบว่า เราสะเพร่า มัวแต่ถ่ายรูป ไม่ดูป้ายบอกทาง เดินผ่านไปได้
เรืออยู่ตรงหน้า แต่ระยะทางช่างแสนไกล เหลือเวลาห้านาที โอ้ย! ไม่รอดแน่ๆ ในใจป้าโอ้ทนึกว่า ถ้าเรือขยับแล่นออกไปต่อหน้าต่อตา ในขณะที่เราไปถึงท่าพอดี เราคงจะเศร้ากันที่สุด แต่แล้วเหมือนสวรรค์เข้าข้างเราสองคน รถแวนคันที่ป้าโอ้ทเห็นก่อนหน้านั้นมาจอด มีคนตะโกนว่า " ยูจะไปเรือนั่นใช่ไหม รถมารับยู" เยๆๆ รอดแล้ว ป้าโอ้ทหายใจไม่สะดวก หันไปดูพี่แดง ซีดกว่าเดิม
เมื่อรถแวนจอดหน้าท่าเรือ เราสองคนรีบวิ่งๆ เข้าไป นักท่องเที่ยวบนลำเรือ ไม่รู้จำนวนกี่พัน ทุกคนที่อยู่บนระเบียงห้องตัวเองโห่ลงมาที่สองป้า สนั่นท่าเรือ เมื่อเช็คเข้าเรือเรียบร้อย หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำเรือ ตักเตือนเราเหมือนเด็กน้อย และแจ้งให้เจ้าหน้าที่อีกคนโทรแจ้งมิสเตอร์ว่าเรากลับมาแล้ว พนักงานคนนึงกระซิบบอกป้าโอ้ทว่า ยูโชคดีนะเนี่ย อีกห้านาทียูได้นอนที่เกาะนี้แล้ว
เมื่อถึงห้อง มิสเตอร์หน้าตูม แต่ไม่พูดอะไร ป้าโอ้ทหน้าทะเล้น ก็กลับมาแล้วจะซ้ำเติมกันทำไมใช่ปะ 😁 พี่แดงพูดขอโทษเจ้าหน้าที่เรือตลอดทาง และขอโทษมิสเตอร์ซ้ำแล้วซ้ำอีก พี่แดงบอกว่าถ้าเป็นป๋าพี่แดงคงโดนดุหนักแล้ว มิสเตอร์ใจดีจัง ... ฮ่าฮ่า มิสเตอร์ก็ดุ แต่เขาดุเงียบ เขารู้ว่าดุไปก็ไม่เกิดอะไรเพราะกลับมาแล้ว ป้าโอ้ทก็หน้าเป็น แต่รู้นะว่าผิด รับผิดโดยดี
ย้อนเล่าระหว่างเดินกันอยู่ พี่แดงบอกให้ป้าโอ้ทโทรหามิสเตอร์ แต่ป้าโอ้ทปฎิเสธเพราะคิดว่ามิสเตอร์ไม่ได้เปิดโทรศัพท์แน่ เนื่องจากตั้งแต่ลงเรือมิสเตอร์เปลียนเป็นโหมดเครื่องบิน รวมทั้งเปลียนเครื่องป้าโอ้ทด้วย ซึ่งป้าโอ้ทไม่เคยเปลียน จึงไม่ชินและลืมไปว่าเครื่องตัวเองก็ติดต่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่เรือตำหนิว่าทำไมไม่เปิดโทรศัพท์ ติดต่อไปหลายครั้งแล้ว นั่นล่ะป้าโอ้ทถึงนึกได้ แต่ถ้าป้าโอ้ทฟังพี่แดงหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหามิสเตอร์คงไม่เกิดเหตุแบบนี้เพราะทางเรือคงส่งรถมารับเราได้ทันเวลา
ย้อนเล่าระหว่างเดินกันอยู่ พี่แดงบอกให้ป้าโอ้ทโทรหามิสเตอร์ แต่ป้าโอ้ทปฎิเสธเพราะคิดว่ามิสเตอร์ไม่ได้เปิดโทรศัพท์แน่ เนื่องจากตั้งแต่ลงเรือมิสเตอร์เปลียนเป็นโหมดเครื่องบิน รวมทั้งเปลียนเครื่องป้าโอ้ทด้วย ซึ่งป้าโอ้ทไม่เคยเปลียน จึงไม่ชินและลืมไปว่าเครื่องตัวเองก็ติดต่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่เรือตำหนิว่าทำไมไม่เปิดโทรศัพท์ ติดต่อไปหลายครั้งแล้ว นั่นล่ะป้าโอ้ทถึงนึกได้ แต่ถ้าป้าโอ้ทฟังพี่แดงหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหามิสเตอร์คงไม่เกิดเหตุแบบนี้เพราะทางเรือคงส่งรถมารับเราได้ทันเวลา
วันต่อมา เราสองคนเดินตามมิสเตอร์ไม่ห่างเลยเพราะไม่อยากตกเรือ
No comments:
Post a Comment
ขอบคุณมิตรภาพ และความคิดถึงที่เอามาฝากไว้ที่นี่ค่ะ
Thank you for visiting.