Life is short then do what brings happiness to life.ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุข ก็ทำไป

เรื่องราวที่เขียนในบล๊อกเป็นประสบการณ์ และชิวิตประจำวันของโอ้ทเอง เขียนไว้เป็นบันทึก เก็บไว้อ่านย้อนหลังเมื่อวันเวลาผ่านไป ซึ่งเอากลับมาไม่ได้ หากสิ่งที่เขียนเป็นประโยชน์กับบางคน หรือหลายคนด้วยก็ดีใจ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ

Saturday, May 14, 2016

ลงเรือ วันแรก (พักร้อน 2558 วันที่ห้า)


กรกฎาคม 2558

ลงเรือสำราญ ดูอัลบัมวันนี้

วันนี้ออกเดินทางแต่เช้า เครื่องบินเที่ยวหกโมงครึ่ง บินไปลงมินิอะโปลิส ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงนิด ๆ จากนั้นต่อไปซีเอเทิลใช้เวลาสามชั่วครึ่ง ถึง10:30.เวลาซีเอเทิลเร็วกว่ามินิอะโปลิสสองชั่วโมง (เรื่องเวลาของอเมริกาเนี่ยนะ ป้าโอ้ทไม่เคยจำได้เลยว่าฝั่งไหน ช้า หรือ เร็วกว่ากันแค่ไหน ต้องถามมิสเตอร์ทุกครั้ง แล้วมิสเตอร์ก็รำคาญ เอาเป็นว่าถ้าให้ข้อมูลผิดไปต้องขอโทษด้วยถึงสนามบินปลายทางเรียบร้อย ระหว่างรอรับกระเป๋า เพื่อนที่ไปกับเรามาเจอพอดี เพื่อนมาถึงสนามบินตั้งแต่ 9.30.  เพื่อนของเราคือพี่แดงจากแคลิฟอเนีย พี่แดงกะสามีพักร้อนไปแคนาดามา และพี่แดงเที่ยวต่อกับเราสองคน




เมื่อได้กระเป๋าแล้ว มุ่งหน้าไปท่าเรือใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีเท่านั้น ตอนแรกเราจะจอดรถแล้วหาอะไรหม่ำกันก่อน เพราะทุกคนหิว แต่เมื่อจอดรถริมทาง สองหนุ่มพยายามจ่ายค่าจอดกับตู้อัตโนมัติ ด้วยเหตุขัดข้องของตู้ทำให้จ่ายไม่ได้ สามีพี่แดงไม่อยากทิ้งของไว้ในรถ อาสาเฝ้า เราสามคนเดินข้ามฝั่งไปสำรวจเรือสำราญลำโตที่เราจะไปล่องกันในเจ็ดวันต่อไปนี้

บริเวณที่เราเดินไปดูเป็นสะพาน ด้านล่างมีถนนอีกสาย ซึ่งผ่านหน้าเรือ จุดเช็คอิน เราสามคนเดินกลับไปที่รถ ให้สามีพี่แดงขับวนไปส่งเราลง และแยกย้ายกัน

เมือสามคนลงจากรถแล้ว มองสำรวจปราดเดียว เอาล่ะ เราต้องเช็คกระเป๋า และต้องหาร้านซื้อน้ำไปด้วย เห็นหลายๆกลุ่มที่ลงเรือซื้อน้ำกันมาหลายแพค ป้าโอ้ทหาข้อมูลมาก่อนว่าบนเรือมีจุดเติมน้ำ ให้ซื้อไป ถ้าซื้อบนเรือแพง กระเป๋าที่เช็คต้องติดป้ายชื้อ เลขห้อง กระดาษชิ้นยาว ติดกาวเหมือนตอนเช็คอินในสนามบิน กระดาษสีส้มจัดวางไว้ให้บริเวณนั้น เรากรอกข้อมูลแล้วติดกระเป๋าที่จะเช็ค ถ้ามีน้ำก็ติดน้ำไปด้วย จากนั้นส่งสแกน แล้วเจ้าหน้าที่จะนำส่งถึงห้องบนเรือ ห้องบนเรือเรียกว่าเคบิน (Cabin)



ขอเล่านิดเรื่องกระเป๋า ป้าโอ้ทกับมิสเตอร์สองคนมีกระเป๋าลากใบเล็กคนละใบ เป้หนึ่ง กระเป๋าสะพายหนึ่ง ส่วนพี่แดงเพื่อนเราคนเดียวมีกระเป๋าเดินทางแบบลากสองใบ  พี่แดงคนเดียวมีเยอะกว่าเราสองคน ฮ่าฮ่า
เมื่อเช็คอินกระเป๋าแล้วก่อนเราจะเข้าไปเช็คอินตัวเอง เดินเลยไปนิดมีร้านขายของชำอยู่ ได้แวะซื้อน้ำดื่มขวดลิตรไปห้าขวด คิดว่าพอเพราะมีจุดเติม จากนั้นมุ่งหน้าไปตามแถวเช็คอิน คนเยอะมากๆ
เช็คอินต้องแสดงพาสปอร์ตอเมริกัน เราสองคนแสดงพาสปอร์ตไทยกับกรีนการ์ด เพราะเส้นทางที่เราไปต้องแวะแคนาดาด้วย เจ้าหน้าที่ถ่ายสำเนากรีนการ์ดของเราไว้ และถ่ายรูปเราสามคนทำบัตรประจำตัวบนเรือซึ่งใช้เป็นกุญแจห้องพักด้วย (ห้องพักเรียกเคบินนะคะ)



และแล้วเราก็มาอยู่บนเรือ ไปสำรวจเคบินกันก่อน แล้วค่อยไปหม่ำๆ เวลาเช็คอินเรือบ่ายสอง เรือออกสี่โมงเย็น เข้ามาใกล้ ๆ เรือนี่นะ ใหญ่โตมหึมาจริง ๆ ภายในเรือเหมือนอยู่ในโรงแรม พี่แดงบอกเหมือนอยู่ลาสเวกัส ประสบการณ์ใหม่เริ่มต้นแล้ว  เที่ยวเรือสำราญครั้งแรกของเราสามคน

ป้าโอ้ทคิดว่าร้านอาหารบนเรือแบ่งเป็นร้านที่อยู่ในแพคเกจ กับร้านที่ต้องจ่ายเพิ่มต่างหาก ใม่รู้ร้านไหนยังไง เริ่มจากร้านแรกที่เราเจอก่อนเลยบ่ายนี้ มิสเตอร์เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ตรงโพเดี้ยมหน้าร้าน ได้ความว่าร้านนี้เป็น
"คอมพลิเมนทารี่"  คือรวมอยู่ในแพคเกจ ยกเว้นเครื่องดื่มที่สั่งจากเคาน์เตอร์ น้ำเปล่าฟรี


ตลกดี ป้าโอ้ทคุยกะพี่แดงว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวเรือสำราญมือใหม่ทำอะไรไม่ถูก แต่ไม่รู้สึกเขอะเขินนะ สนุกดี เพราะพนักงานบนเรือ  90% เป็นฟิลิปินส์ มีอินเดีย อินโดนีเซียประปราย
เมื่อหม่ำกันเสร็จเดินสำรวจรอบๆ เดินไปจนถึงบริเวณสระน้ำ ซึ่งอยู่ส่วนท้ายเรือ แต่ยังไม่สุดท้าย บริเวณสุดท้ายคืออาหารบุฟเฟต์ มีโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่งหม่ำไป ชมวิวไป สบายใจ สบายอารมณ์

กลับมาที่สระว่ายน้ำ วันนี้เป็นวันชาติอเมริกา บนเรือไม่จุดพลุ มีปาร์ตี้ มีดนตรี มีบาร์บีคิว และคนเล่นน้ำเยอะแยะเต็มทุกสระ เราเดินวนกันไปสองรอบ ว่าจะไม่กินอะไรอีกเพราะเพิ่งกิน แต่ผ่านเตาบาร์บีคิวแล้วอดใจไม่ไหว  ป้าโอ้ทกะมิสเตอร์ถือจานอาหารเดินไปบนระเบียงไม่มีหลังคา ส่วนพี่แดงขออยู่ในร่มด้านล่าง ซึ่งไม่มีที่นั่งว่าง
แดดร้อนมากๆ ลมแรงด้วย แต่เย็นสบาย และแล้วเรือก็เคลื่อนที่ ฮูเร่ ฮู่เร่
บนเรือมีคาสิโน
ห้องออกกำลังกาย
สปา
สตูดิโอถ่ายรูป
โรงละคร
และห้องกิจกรรมอื่นๆ
ห้องเกมส์สำหรับเด็ก



วันแรกทางเรือเตรียมพร้อมกรณีฉุกเฉิน ซ้อมนักท่องเที่ยวทุกคน สอนใส่ชูชีพ โดยการเปิดสัญญาณเตือนภัยดังสนั่นเรือ ทุกคนไปพบกันที่โรงละคร และดูสาธิตการใส่ชูชีพ จากนั้นแยกย้าย ทำกิจกรรมบนเรือตามอัธยาศัย

ตอนแรกป้าโอ้ทไม่รู้ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าร้านอาหารไหนอยู่ในแพคเกจเรา ร้านไหนต้องจ่ายเพิ่ม ถามมิสเตอร์ก็ไม่บอก มารู้อีกทีมิสเตอร์เขาไม่ได้ยิน ป้าโอ้ทสังเกตเห็นในกำหนดการณ์กิจกรรมแต่ละวันจะมีรายการแจ้งไว้ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ แจ้งเวลา และ สถานที่ เราจะได้รับกำหนดการกิจกรรมทุกวันจากเจ้าหน้าที่ดูแลเคบินของเรา ตลอดเส้นทางคนเดียว เจ้าหน้าที่ดูแลเคบินเราชื่อเดฟ เป็นฟิลิปินส์

เดฟจะเข้ามาจัดแจงที่นอนให้ตอนเย็น และเก็บให้ตอนวันรุ่งขึ้น เราไม่ต้องทำเอง สบายเลย ให้ทิปแต่ละวัน วันละน้อย หลายวันไม่ได้ให้ก็รวบยอด

ห้องน้ำสบายทีเดียว น้ำร้อน น้ำเย็น มีแชมพู ครีมอาบน้ำเตรียมไว้ ผ้าเช็คตัวเปลี่ยนให้ทุกวัน
ในเคบินมีตู้ และ ชั้นวางของเพียงพอ ใส่กระเป๋าใหญ่ไว้ใต้เตียงได้ มีพอกว่าที่ป้าโอ้ทคิดไว้ ดูข้อมูลจากยูตูปมาก่อนแล้ว แต่นึกว่าจะน้อย สิ่งที่ไม่พอสำหรับป้าโอ้ทคือปลั๊กไฟ ป้าโอ้ทลืมเอาปลั๊กต่อหลายๆช่องมาด้วย แต่ทริปนี้ดีไม่ชาร์จถ่านกล้องพร้อมกัน ใช้กล้องสองตัว มิสเตอร์ใช้ตัวนึงมีถ่านสำรอง มีแต่กล้องตัวที่ป้าโอ้ทใช้นี่ล่ะชาร์จทุกวันเพราะมีถ่านก้อนเดียว อ่อ ปลั๊กในเคบินที่เห็นมีอยู่สามจุด ในเคบินมีกาต้มกาแฟ มีกาแฟเตรียมให้ ถ้าจะเอาเพิ่มบอกเดฟ
ป้าโอ้ทสัมภาษณ์เดฟมานิดหน่อยว่า ทำงานสัญญาแปดเดือนต่อครั้ง หยุดสองเดือน แล้วมาทำต่อคราวละแปดเดือน ล่องสับเปลี่ยนเส้นทาง
เอาล่ะครึ่งวันแรกของเรือสำราญจบไว้เท่านี้ก่อนพรุ่งนี้มาทัวร์เรือกันต่อเพราะเรายังไม่ขึ้นท่าไหนอยู่บนเรือกลางมหาสมุทรอีกหนึ่งวันเต็ม ๆ

No comments:

Post a Comment

ขอบคุณมิตรภาพ และความคิดถึงที่เอามาฝากไว้ที่นี่ค่ะ

Thank you for visiting.