Life is short then do what brings happiness to life.ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุข ก็ทำไป

เรื่องราวที่เขียนในบล๊อกเป็นประสบการณ์ และชิวิตประจำวันของโอ้ทเอง เขียนไว้เป็นบันทึก เก็บไว้อ่านย้อนหลังเมื่อวันเวลาผ่านไป ซึ่งเอากลับมาไม่ได้ หากสิ่งที่เขียนเป็นประโยชน์กับบางคน หรือหลายคนด้วยก็ดีใจ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ

Thursday, January 21, 2010

แลกไหมกับกลุ่มคนรักงานไหมที่ห้องสมุด

วันอังคารที่ 19 ม.ค 53...วันนี้กลุ่มคนรักไหมพรม (yarn club)ที่ห้องสมุดมีการแลกไหมกัน เอาขนมไปกินร่วมกัน โอ้ทตั้งใจทำลูกชุบแต่ไม่สำเร็จ ทำผิดสูตร แถมเวลาไม่พออีกต่างหากเพราะไม่รู้ว่าใช้เวลาทำนาน ลงมือทำก่อนไปห้องสมุด 2 ชั่วโมง เลยได้ถั่วกวนไปแทน จากที่ได้ยินสมาชิกคุยกันเรื่องการแลกไหมได้ความว่า เป็นการนำไหม และอุปกรณ์ แม้กระทั่งงานที่ทำไม่เสร็จ ค้าง และเบื่อแล้ว มารวมกัน แลกเปลี่ยนกันไป โดยการจับฉลากว่าใครจะได้เป็นคนเลือกไหม ก่อน-หลัง วันนี้นอกจากไหมแล้ว ยังมีหนังสือ ไม้นิตติ้ง และ อุปกรณ์มาให้ด้วย โชคดีมากที่เข้าร่วมกลุ่มทันเวลา โอ้ทเอาไหมไปแลก กะเขาด้วย 1 ถุงและได้ไหมกลับมาอีก 1ถุง มาดูบรรยากาศกันดีกว่า

Tuesday, January 12, 2010

เข้ากลุ่มถักทอ..Yarn club

เมื่อเย็นไปห้องสมุดเข้ากลุ่ม yarn club ตลกตัวเองมาก แต่ก็ไปมาแล้ว เขาเริ่ม 1 ทุ่ม แต่คุยโทรศัพท์ติดลมกะครีมยัน1 ทุ่ม ดีที่แค่ 5 นาทีถึง ห้องสมุดไม่ไกล แต่รถเต็มไม่มีที่จอดวนอยู่ 2 รอบไม่เอาแล้ว สายๆๆๆ เพราะวันแรกด้วยทำไรบ้างก็ไม่รู้ ตัดสินใจขับวนไปจอดไปรษณีย์แล้วข้ามถนนมาเพราะตรงกันเปะกันห้องสมุด แต่หนาวหน่อยๆๆๆ ตอนข้ามถนน ไปถึงเข้านั่งกันเป็นกลุ่ม 4-5 โต๊ะ เอาไงล่ะ เดินเข้าไปไม่มีใครสนใจนิ เลยบอก หวัดดี ฉันมาใหม่ วันแรก ต้องทำไรบ้าง หวัดดีจ้า แล้วก็ส่งยิ้มแฉ่ง..อิอิ นึกในใจ ช่างกล้า <:-p ก็หันมามองกัน แต่ก็ไม่สนใจอีก เลยเดินไปโต๊ะใกล้เราสุด มีสาวๆ รุ่นคุณยายอยู่ 3 คน เราก็บอกเพิ่งมา ต้องทำไงบ้าง แล้วปกติคุณทำอะไรกัน แค่มานั่งแล้วทำเฉยๆ เหรอ เขาก็ถามว่านิต หรือ โครเชท์ ตอบไปว่านิต แล้วแป้บก็มีคนเดินมาคุย คนนี้เดาว่าเป็นหัวหน้ากลุ่ม เราก็เอาผ้าพันคอที่กำลังทำให้เขาดู เขาบอกไม่ต้องแนะนำเยอะทำได้แล้ว เราบอกว่าอ่านแพทเทิร์นไม่รู้เรื่อง อยากทำ......ที่่ไม่เคยทำ แล้วเขาก็พาไปนั่งที่โต๊ะ ก็คุยกันไป ทำกันไป โอ้ทก็ฟังๆๆๆๆเขาคุยกัน แล้วคุยบ้างแล้วแต่จังหวะ...555 แล้วก็ควักผ้าพันคอผืนใหญ่ที่ทำเสร็จใน 2 วันออกมาโชว์ ทุกคนก็ถามใครทำๆๆๆ คุยเลย ฉันทำจ้า 2 วันเสร็จ..อิอิ แถมมีสบู่ติดกระเป๋าไปแจกด้วยอีก 4 ก้อน ...คนที่นั่งโต๊ะเดียวกันโชคดีไป ...ฮ่าฮ่า แบบนี้ไม่ได้เพื่อนให้รู้ไปสิ แต่ไงก็คุยแหลกอยู่แล้ว และที่โชคดียิ่งกว่า อังคารหนัามีแลกไหมกัน น่าจะจัดแลกกันปีละครั้ง หรือ เดือนละครั้ง ฟังไม่ถนัดเพราะพูดกันหลายคน คนที่มีไหมมากจนเบื่อไม่อยากทำ หรือ ทำไม่ทัน จะเอามารวมๆๆ แล้วแลกเอาไหมกลับบ้าน เพื่อนที่ดูว่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มบอกว่าถึงเราไม่มีไหมก็จะได้ไหมกลับบ้านไปด้วย ชอบๆๆๆ และจะเอาของว่างไปหม่ำๆๆๆ กัน ทำอะไรไปดีน๊า นึกออกอย่างเดียวหนมปังหน้าหมู ทำง่ายที่สุด หรือจะทำเกี๊ยวทอดดี ...ขอคิดอีกทีพรุ่งนี้ดีกว่า ...เยๆๆๆๆ แล้วก็ได้เข้ากลุ่มตามเป้าหมาย.....จุดประสงค์คือหาคนคุยภาษาอังกฤษใหม่ๆ นอกเหนือจากกลุ่มที่เรียน นี่คงจะช่วยให้ภาษาดีขี้นเร็วๆๆๆ จากการใช้งานจริง ...ดีใจมีกลุ่มกิจกรรมเพิ่มจากปั้นแล้ว ตื่นเต้นกลับถึงบ้านโทรหาบิ๋มทันที ต้องเม้าท์ๆๆๆๆ..... อยู่มาปีครึ่งจ้องๆๆอยู่ มาวันนี้ได้เข้าไปซะที จะเข้ากลุ่มทุกวันอังคาร 1ทุ่ม ถึง 9 ทุ่ม
ปล.รูปไม่เกี่ยวกับเรื่องที่โม้วันนี้น่ะ แต่ถ่ายวันนี้ น่ารักเหมือนเคยแหละ...คริคริ

Monday, January 11, 2010

นอร์ธดาโกต้า 23-28 ธ.ค 52

กลับมาจากนอร์ธดาโกต้า 2 สัปดาห์แล้ว แต่ยังรู้สึกเหนื่อย และขี้เกียจอยู่เลย อาจเป็นเพราะอากาศที่หนาวจัดแบบที่ไม่เคยประสบมาก่อน และการเดินทางไกลที่เคยไปมาแล้วครั้งนึงแต่อากาศไม่ได้เป็นแบบครั้งนี้ ร่างกายเกิดอาการล้าขึ้นมากระมัง เช้านี้หลังจากดูดฝุ่นบ้านเสร็จแล้ว ในสมองบอกว่ามาเล่าเรื่องนอร์ธดาโกต้าดีกว่า เมื่อสมองบอกมาต้องรีบจัดให้ก่อนที่ไฟจะดับไปอีกครั้ง เกริ่นมาพอประมาณเริ่มการเดินทางกันเลยดีกว่า



วันพุธที่ 23 ธ.ค. 52...ตื่นกันแต่ 7 โมงเช้า (อันที่จริงโอ้ทตื่นก่อนเพราะต้องอาบน้ำ สระผม เป่าผม ใช้เวลานาน ) จัดแจงเตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน เรื่องจัดกระเป๋าไม่ต้องกังวลเพราะทุกครั้งที่จะเดินทางไปไหนจะจัดเสร็จเรียบร้อยก่อนวันเดินทาง 1 วันเสมอ เนื่องด้วยเมื่อถึงวันเดินทางแล้วจะนึกอะไรไม่ออก แล้วผลออกมาคือลืมโน่น ลืมนี่ จะมีแต่อุปกรณ์แปรงฟัน กับ ยาที่ต้องกินประจำวัน แต่จะจดเตือนไว้ว่าต้องจัดอะไรเพิ่มตอนเช้า นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น อ่อ ลืมเล่าไปนิดนึงว่าคราวนี้เราเอากระเป๋าสำรองไปด้วย 1 ใบ หิ้วขี้นเครื่องจับเสื้อโค้ทใส่ กับผ้าพันคอ ดารินบอกว่าถ้าโหลดใต้เครื่องต้องเสียเงินใบละ 20เหรียญแน่ะ แล้วก็ไม่ยอมเสียกระเป๋าเปล่าด้วย เอากระเป๋าไปเพื่อใส่ของขวัญกลับ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนปีที่แล้วต้องส่งไปรษณีย์กลับมาเพราะใส่กระเป๋าไม่ได้ เอาไปใบเดียว เวลาประมาณ 8.00 เราพร้อมเดินทางแต่กำหนดเครื่องออกเวลา 11.30 น. ดารินบอกว่าเราจะไปถึงสนามบินกันเร็วเกินไป อยากจะแวะกินอะไรกันก่อนไหม เห็นพ้องต้องกันไปแม็คโคนัลด์หน้าบ้านก่อน อิ่มท้องแล้ว เดินทางสบาย ถึงสนามบินประมาณ 9.00 เข้าเช็คอินเครื่องอัตโนมัติปรากฎว่าไม่มีรายการใดๆ แสดงที่หน้าจอเลย แปลกจัง ดารินบอกว่าเครื่องเต็ม อ้าว! ทำไมล่ะก็จองตั๋วแล้วนี่นา เมื่อคุยกับเจ้าหน้าที่ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าจัดการออกตั๋วให้แต่ที่นั่งต้องไปติดต่อที่หน้าประตูทางขี้นเครื่องอีกที่ แต่ที่แน่ๆ ไม่ได้นั่งด้วยกัน เฮ่อ! เป็นแบบนี้อีกแล้ว ไม่เข้าใจระบบการจัด จองตั๋วว่าทำไมคนที่จองพร้อมกัน เดินทางด้วยกันไม่ได้นั่งด้วยกันสักทีเลยน่ะ เอาเป็นว่าสรุปวันเดินทางได้ตั๋ว ได้ที่นั่งแยกกัน แล้วก็เข้าก่อนเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง...อ่อ มีเหตุเล็กน้อย ตอนสแกนสมบัติที่เอาขึ้นเครื่องดันลืมเอาขวดน้ำทิ้ง โดนจับ(กั๊กกระเป๋าแป้บนึง) เพราะต้องกินยาแก้เมาก่อนขี้นเครื่องนั่นเองเลยไม่ได้นึกไปว่าขวดน้ำยังอยู่ข้างเป้น่ะ แต่เมื่อบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอกินยาก่อนเพราะไม่เช่นนั้นจะมีอาการเมาบนเครื่อง เจ้าหน้าที่เอาอุปกรณ์มาส่องรอบปากขวดแล้วส่งคืนให้...อิอิ เที่ยวบินจากฟิลาเดลเฟีย ถึง มินิอโปลิส ไม่มีปัญหาอะไร อากาศดี แต่ดารินบอกว่าอาจจะตกเครื่อง ก็ ไม่เข้าใจว่าทำไม ใช้เวลา ชั่วโมงครึ่ง เมื่อถึงสนามบินมินิอโปลิส ตรวจตารางแล้วว่าต้องไปประตูไหน โน่นเลย G22 เดินกันสุดสนามบินเลย อันที่จริงถ้าไม่อยากเดิน สนามบินมีรถน้อยบริการส่ง หรือจะขี้นรถไฟฟ้าไปก็ได้แต่ว่าไปไม่ถึงสุดทาง จะมีเฉพาะบางประตูเท่านั้น เมื่อไปถึงปรากฎว่า เครื่องได้ดีเลย์ไปเรียบร้อยแล้ว 15 นาที รอต่อไป ดีเลย์อีก เป็นครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ได้ออกเดินทางดีเลย์ไป 1 ชั่วโมง ระหว่างเดินทางเดาว่าหิมะตกตลอดเพราะมองอะไรไม่เห็นเลย ขาวทึบ ไปหมด ไม่เหมือนเมฆใสๆ ที่เคยเห็นมาก่อนตอนนั่งเครื่องบิน ใช้เวลาประมาณ3 ชั่วโมงครึ่ง ถึงสนามบินบิสมาร์ค อี๋ยๆๆๆ ทามมายยยยยยย หนาวๆๆๆๆๆ ขนาดนี้น่ะ หิมะหนามากๆ จัดการติดต่อรับรถเช่า และ รับกระเป๋าเรียบร้อย ด้านนอกเริ่มมืดแล้ว นี่ยังไม่ทุ่มเลย อากาศเย็นมากกว่าปีที่แล้ว หิมะก็กำลังตก โอ้ยๆๆๆๆ รถเช่าจอดอยู่หลายชั่วโมงที่ลานจอดมีหิมะ ซึ่งเป็นน้ำแข็งแล้วเกาะอยู่บนกระจก ต้องจัดการขูดออกซะก่อนที่จะใช้งาน ระหว่างช่วยดารินขูดก็ร้องโอ้ยๆๆๆ ตลอดเวลาก็มันหนาวๆๆๆๆๆ มือแข็งๆๆๆๆ ถุงมือก็ไม่ได้ใส่ ต้องรีบเอามาใส่ หนาวจนยืนนานๆๆไม่ไหวเลยไม่ได้ถ่ายรูป ก่อนจะออกจากสนามบินเจ้าหน้าที่รถเช่าขับรถมากบอกสภาพอากาศ เพราะดารินถามไว้ อากาศจะแย่ลงระหว่างทางไปบ้านแม่ดาริน ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมงจากสนามบิน นึกภาพไม่ออกว่าแย่ขนาดไหน จนกระทั่งได้เห็น มีความรู้สึกว่าทำไมไม่ถึงซะที ปีที่แล้วไม่เห็นจะไกลขนาดนี้ ... บนถนนมองอะไรไม่เห็นเลยมีแต่ควันขาวๆ (หิมะตกตลอดเวลาจนมองเห็นเหมือนควัน หรือ หมอก) ไม่มีรถวิ่งบนถนนมากนัก นานๆ จะผ่านมาซักคัน ที่สำคัญถนนไม่มีไฟนี่ล่ะ ไฟจะเริ่มมีก็เมื่อถึงในเมือง ชุมชนแล้วนั่นแหละ บอกเลยว่ากลัวๆๆๆ ดารินขับชนหิมะข้างทาง 2-3 ครั้ง หิมะก็ปลิวข้ามผ่านกระจกด้านหน้า โอ้ยๆๆๆๆ กลัวๆๆๆๆ อุบัติเหตุน่ะซ มองอะไรไม่เห็นจริงๆ มีช่วงหนึ่งน่ากลัวที่สุดเนื่องด้วยถนนที่มืด ประกอบกับหิมะตก และไม่มีรถ จะเห็นแต่ไฟหน้ารถเท่านั้น มีสิบล้อขับส่วนมา โอ้ยๆๆๆๆ ระทึกๆๆๆ ถนนสายที่เดินทางเป็นแบบเลนส์สวนกันน่ะ ดารินตั้งใจจะแวะบ้านพี่ชาย พี่สะใภ้ก่อนเพราะเป็นทางผ่านก่อนถึงบ้านแม่ แต่อากาศแบบนี้ไม่ไหว ตรงไปทีเดียวเลยดีกว่า... ในที่สุดก็ถึงซะที..เยๆๆๆ แต่แล้วรถก็ติดหิมะที่หน้าบ้านนี่เอง ขุดกันตั้งแต่วันแรกเลยที่เดียว เข็นกันแล้วก็ไม่ขยับ ล้อหมุนฟรี เป็นหลุมลึกขี้นๆเรื่อยๆ หาพรมมารองที่ล้อก็ไม่ได้ โอ้ทนึกถึงตอนรถติดโคลน แล้วพ่อใช้แผ่นไม้ รองตรงล้อให้มีที่ราบรับล้อ รถก็จะหลุดขี้นมาได้ แต่หาไม้ไม่ได้เลย ดารินจะให้โอ้ทขี้นไปบังคับรถ แต่ไม่สามารถค่ะ ยังไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ ดูตอนดารินใส่เกียร์แล้ว งง มาก เดิน หน้า แล้วใส่ เกียร์ M อะไรก็ไม่รู้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากเข็นหน้า บ้าง หลังบ้าง กันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ทำไม่สำเร็จ จนกระทั่งมีรถขับมา เป็นคนแถวนั้น แม่ดารินรู้จัก เขาเห็นรถติดอยู่เลยขับมาช่วย ต้องลากรถออกจากหิมะจ้า ..(ตอนที่ช่วยเข็นรถยังไม่ได้ใส่ถุงมือ โอ้ยไม่รู้จะบรรยายยังไงว่ามันเย็นจนมือปวด รู้สึกได้ว่ากำลังจะแข็ง รีบใส่ถุงมือ แต่ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้มาก สิ่งที่ช่วยให้อุณหภูมิร่างกายลดได้เร็วที่สุดคือน้ำอุ่น หรือ ลมร้อน เมื่อใส่ถุงมือแล้ว ออกมาช่วยอีก คราวนี้หน้าเริ่มชา คางแข็งไปเลย ไม่ไหวแล้วจ้า วิ่งเข้าบ้าน ออกมาเข็นอยู่เนี่ยแหละ สุดท้าย ขอเข้าบ้านแล้ว ไม่ไหวจริงๆ)...คุยกะแม่แป้บเดียว ก็ออกไปติดต่อโรงแรมที่เคยพักปีที่แล้ว ไม่ไกลจากบ้านแม่มากนัก แล้วกลับไปบ้านอีกครั้ง ดารินอยากให้ห่อของขวัญสำหรับญาติๆ แต่โอ้ทไม่ไหวแล้วจ้า หนาวเหลือเกิน อยากอาบน้ำร้อน แล้วพัก ตกลงแม่ทำอาหารให้หม่ำ แล้วเราก็กลับโรงแรม ซี่งก็เป็นเหมือนปีที่แล้วคนทำงานหยุดกันแล้ว จะมีแม่บ้านมาเก็บห้องให้หรือป่าวน๊า? แต่คนที่มาพักมองจากรถที่จอดอยู่มีประมาณ 3 ห้อง





แมวเหมียวบ้านแม่ดาริน



วันพฤหัสบดีที่ 24 ธ.ค.52...เมื่อจัดการอาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อยก็ออกไปถ่ายรูปหน้าโรงแรม ขาวโพลงไปหมดแต่ต้นไม้ดูสวยจัง อยู่เดลาแวร์ไม่เป็นแบบนี้เพราะหิมะตกไม่มากขนาดนี้ ต้นไม้เป็นสีขาวหิมะเกาะตามกิ่งเต็มไปหมด แต่หลายๆ ต้นกลายเป็นน้ำแข็งเกาะตามกิ่งไปแล้ว ดูสวยด้วย แต่บอกได้เลยเหมือนกันว่าอากาศเย็นแค่ไหน ออกมาถ่ายรูปหน้าห้องไม่ได้ใส่เสื้อโค้ด เพราะอยากถ่ายสีสัน...อิอิ วันนี้ใส่สีชมพูๆๆๆๆๆ อ่อ ลืมเล่าเรื่องรองเท้า คราวนี้ใส่รองเท้าบูทสำหรับเดินบนหิมะโดยเฉพาะ ช่วยได้เยอะจริงๆ อุ่นกว่ารองเท้าปีที่แล้ว (เอาไปคืนร้านตั้งแต่กลับมาถึง) รองเท้าบูทอีกคู่ที่มีก็อุ่นแต่น้ำซึมเข้าไปได้นี่ทำให้เท้าเย็นเหมือนกัน ไม่ไหว นี่ละรองเท้าสำหรับเดินบนหิมะ ซื้อมาถูกด้วย 19.99 เหรียญ (อย่าๆๆๆ คิดว่าเป็นบาทเท่าไร ) สรุปว่าวันนี้ชมพู ตั้งแต่หัว จรดเท้า ยกเว้นกางเกง ไม่งั้น คงมองเห็นคนเป็นหมึกแน่ๆๆ ผิวตัดกะเสื้อผ้า อากาศข้างนอกเย็นจัดต้องใส่ชุดลองจอนข้างใน ทั้งเสื้อและกางเกง อยู่ได้ไม่ทันครึ่งชั่วโมงไม่ไหวแล้ว เข้าห้องเอาโค้ทมาใส่ดีกว่า แต่.....แงๆๆๆ ประตูล๊อก ลืมเอากุญแจออกมาด้วย ...ป๊อกๆๆๆๆๆๆ เปิดประตูให้ที เคาะประตูไป เต้นไป อยู่พักใหญ่ 10-15 นาทีได้ เดาว่าดารินอาบน้ำอยู่ แต่มันหนาวๆๆๆๆๆ ดารินเปิดประตูให้มีต่อว่าเล็กน้อย ทั้งๆที่เราผิดเองเพราะไม่เอากุญแจออกมา ..ได้เสื้อได้กุญแจแล้ว ออกไปถ่ายรูปต่อ...อิอิ ค่อยยังชั่วหน่อย อ่อ ต้องใส่ถุงเท้า 2 คู่ด้วยถึงจะเอาอยู่ ไม่งั้นเท้าจะเย็น เจ็บ และชาไปเลย สนุกสนานคนเดียว ไปไหนก็ไม่ลืมเอาขาตั้งไปด้วย ไม่เช่นนั้น อดถ่ายรูปตัวเอง...:-) เมื่อดารินเสร็จเราก็ไปบ้านแม่กัน มองไปทางไหนก็ขาวไปหมดเลย ต้นไม้บ้านตรงข้ามหน้าบ้านแม่ก็น้ำแข็งเกาะเต็มต้น สวยน่ะ แต่เย็นจัดขนาดนี้ อึ๋ยๆๆๆ... แม่ทำอาหารให้หม่ำๆๆๆ แล้วเราจัดแจงห่อของขวัญสำหรับพรุ่งนี้ คริสมาสต์ ดารินดูอุณหภูมิเป็นเซลเซียสให้ประมาณ -16.5 (-9ฟาเรนไฮต์) วันนี้ รถติดอีก แต่ขยับออกได้ง่ายกว่าเมื่อวาน เข็นกันจนรถขยับขี้นมาได้ และทึ่งกะแม่ที่แข็งแรงมากๆ เพราะโอ้ทเข็นอยู่คนเดียวรถไม่ขยับเลย แม่ออกมาช่วยแป้บเดียว รถลอยออกไปจากหลุมเลย...เยๆๆๆๆๆ เลยจอดบนถนนที่มีคนมาเคลียร์หิมะแล้ว เพื่อความปลอดภัยไม่ต้องมีการเข็นกันอีก แล้วก็งานกวาดหน้าบ้าน ช่วยกัน 2 แรงแข็งขัน นึกถึงเพื่อนๆ ที่จะมาหาจากไทย ช่วงคริสมาสต์ มาเลยจ้า มาช่วยกันกวาดหิมะ แต่ไม่ต้องตกใจที่เดลาแวร์น้อยกว่านอร์ธดาโกต้าเยอะ วันนี้ดารินตั้งใจจะไปบ้านพี่ชาย แต่ว่าไปไม่ได้เพราะถนนปิด อากาศไม่ดี หิมะตกไม่หยุด รอดูพรุ่งนี้ก่อน ...สักพักพี่ชายแวะมาที่บ้านแม่จะมากวาดหิมะหน้าประตูแต่เสร็จเรียบร้อยไปแล้วจ้า...:-) ดารินพาขับออกไปวนดูในเมือง หิมะกองเป็นภูเขา ร้านต่างๆ ส่วนมากจะปิด พื้นขาวโพลงทั่วทุกพื้นที่...เฮ้อ! ไม่สนุกเลยอะ ก็มันหนาวๆๆๆๆๆ กลับเข้าบ้าน แวะหาพี่สาวแม่ดารินก่อน ลูกพี่ลูกน้องดารินที่อยู่บ้านตรงข้าม (ลูกสาวของป้าดาริน) มาคุยกันด้วย มีของขวัญมาให้ด้วย ป้าดารินก็ให้ของขวัญด้วย คุยกันสักพักก็ออกไปคุยกันที่บ้านตรงข้ามต่อแป้บนึง แล้วก็ออกไปที่บาร์ในเมืองกัน ฟังดูจากที่ทุกคนคุย น่าจะเป็นสถานที่เคยมากันเป็นประจำเมื่อหลายปีมาแล้ว ที่ทุกคนยังอยู่นอร์ธดาโกต้า...เมื่อแยกย้ายกันกลับ เราแวะไปบ้านแม่ก่อน แล้วก็กลับโรงแรม





วันศุกร์ที่ 25 ธ.. 52...คริสมาสต์แล้วจ้า วันนี้ถ้าอากาศดี (แต่ความเป็นจริงแย่กว่าเมื่อวานอีก) จะไปกินกลางวันบ้านพี่ชาย แต่ไปไม่ได้ หน้าโรงแรมหิมะเริ่มกองอีกแล้ว บ้านแม่หิมะที่กวาดไว้เมื่อวานก็กลับมาเหมือนเดิม อีกแล้ว...แม่ดารินบอกว่ากวาดกันทุกวัน ปีนี้ไม่ปกติ หิมะตกมากกว่าที่เคยมีมาหลายปีมาแล้ว ดารินบอกว่าจำได้ตอนยังเด็กๆๆ หิมะหนาถึงหลังคารถ ต้องขุดกันออกมาจากบ้าน แม่ทำอาหารให้หม่ำๆๆๆ กันเหมือนเคย เสร็จแล้วดารินก็พาไปบ้านลูกพี่ลูกน้องคนที่อยู่ไกลออกไปนิดนึงก่อน แล้วกลับมาบ้านพี่สาวแม่ดาริน เอาของขวัญไปให้ และก็เหมือนเดิม ได้ของขวัญกลับมาด้วย จะเป็นการแลกของขวัญกันเทศกาลนี้ สำหรับบ้านนี้ และบ้านตรงกันข้ามเป็นลูกพี่ลูกน้องดารินอีกบ้าน ทั้ง 2 บ้านอยู่หมู่บ้านเดียวกับแม่ดาริน และวันนี้เราก็ไปบ้านพี่ชายไม่ได้เนื่องด้วยอากาศแย่กว่า 2 วันที่แล้วมาก ถนนปิดหลายสาย มื้อเที่ยงคริสมาสต์เลยไปกินลาซานย่ากันที่บ้านป้าดาริน จากนั้นทุกคนก็ดูรูปเก่าๆ กัน ว่าใครเป็นใครในรูป ป้าดารินเก็บไว้ในถังใหญ่ และบอกว่ายังมีอีก 2 ลังใหญ่ๆ ไม่ได้ใส่อัลบัมซะที อยู่บ้านป้าดารินกันพักใหญ่ ก็กลับบ้านแม่ดาริน กินดูทีวี เล่นกะแมว แล้วก็มื้อเย็นอีก ถึงเวลากลับ...วันนี้หิมะตกหนักกว่าทุกวันที่ผ่านมา ออกจากบ้านแม่ดารินได้นิดเดียว ก็ชนหิมะเข้ากองบะเริ่มตรงทางแยก ดารินมองไม่เห็น โอ้ยๆๆๆๆ เปิดประตูออกไม่ได้อะ..มันหนาขนาดไหนเนี่ย? ดารินพยายามขยับรถแต่ไม่มีที่ทา ดับเครื่องเปิดประตูออกไปได้ แต่ด้านโอ้ทก็ยังไม่ได้ ดารินคว้าเป้ กระเป๋ากล้องหลังรถออกไป แล้วเปิดประตูหลังให้ โอ้ทก็ปีนข้ามไปเลย รีบๆ เดินกลับบ้านแม่ ทางไม่ได้ไกลมากเลย แต่มันหนาวๆๆๆๆ หิมะก็ตกหนัก ดารินอารมณ์เสียแล้ว แม่ดารินโทรให้ญาติมาช่วยลากรถออก ดารินไล่ให้โอ้ทเข้าไปดูทีวีในบ้าน กลัวๆๆๆๆ ตื่นเต้น ทำไรไม่ถูก อยากช่วยก็ช่วยอะไรไม่ได้ แม่ก็ออกไปดู สักพักใหญ่ๆ พากันกลับเข้ามา เล่าว่ามีรถญาติมา แล้วมีคนอื่นๆ อีก 2 คันมาช่วยกันลากรถออก สรุปคืนนั้นจอดรถไว้บ้านแม่ แล้วเอากระบะโฟว์วีลกลับโรงแรม ...ดารินกะแม่เขาเถียงกันเล็กน้อยเรื่องรถ แต่ก็ทำให้เราตกใจ นั่งเงียบ เวลาดารินโมโหนี่เอาเรื่องเหมือนกันเชียว แต่ก็รู้อยู่ว่าจะเป็นแบบนี้ เมื่อขับรถออกมาจากบ้านแม่ เห็นชัดเจนเลยว่าที่ติดเมื่อกี้มันกองใหญ่สูงเท่าเอวได้ แถมระหว่างทางก็มีเหมือนกันอีก 3-4 กอง ไหนจะบริเวณลานโรงแรมอีก กองหิมะหน้าห้องก็สูง ดีแล้วที่เอาโฟล์วีลแม่มาไม่งั้นคงขุด ลากกันทั้งคืน






วันที่ 26 ธ.ค 52... เช้านี้ดูหน้าห้อง หิมะกองจะเท่าคอแล้ว ตกทั้งคืน จนป่านนี้ยังไม่หยุดเลย ไปถึงบ้านแม่ดารินบอกว่าเพื่อนบ้านโทรมาหาแม่ให้หาคนไปขุดหิมะหน้าประตูบ้านให้เขาเพราะออกจากบ้านกันไม่ได้ ดารินเลยออกไปขุดให้ แม่ดารินทำอาหารรอ โอ้ทก็ดูทีวีเล่นกะแมวไป จนดารินกลับมา หม่ำกันเสร็จแล้ว ไม่รู้จะทำไรกันดีเพราะจะไปไหนก็ไม่ได้ จะไปที่ดินก็ไม่ได้ อดถ่ายรูปหิมะบนเนินเขาเลย ตั้งใจว่าปีนี้ต้องได้ภาพสวยๆมาฝากกัน ทำไงได้ล่ะ อากาศแย่ลงทุกวัน ถนนก็ปิดโดยเฉพาะเส้นทางที่เรามากันวันที่มาถึง แย่หนัก หวังว่าวันที่เดินทางกลับอากาศจะปลอดโปร่ง ...สรุปแล้วไม่ได้ไปไหน ดารินขับรถวนดูข้างนอกอีกแต่ก็ไปไหนได้ไม่ไกลเพราะมืดตื้อ มีแต่หิมะเป็นหมอก กลับมานอนดูทีวีบ้านแม่จนกินมื้อเย็นอีกรอบแล้วก็กลับโรงแรม





วันที่ 27 ธ.ค.52.. เช็คเอ้าท์จากโรงแรม เข้าไปบ้านแม่เปลี่ยนรถคืนและออกเดินทางไปบิสมาร์ค พักโรงแรมใกล้ๆ สนามบินวันพรุ่งนี้ แวะบ้านพี่ชายกะพี่สะใภ้ก่อน เอาของขวัญไปให้ ได้ของขวัญกลับมา แบรนดรอน หลานชายเล่นหิมะสนุก ที่นี่จะมีรถเหมือนมอเตอร์ไซด์เล่นตอนหิมะตก วิ่งบนหิมะ เห็นเด็กๆแถวบ้านแม่ดารินเล่นกัน แต่ไม่แน่ใจว่าหลานชายเล่นอะไร เข้ามาเอาวิกผมฟูใส่ด้วย น่ารักมาก สลิซ่าหลานสาวดูผอมลง กว่าปีที่แล้ว แต่ทุกคนยังน่ารักเหมือนเดิม ..ดารินให้เครื่องบินบังคับแบรนดรอน พี่ชายบอกว่า มาอีกโปรเจคแล้วซิ..ฮ่าฮ่า โอ้ทให้หมวกถักซลิซ่า หลานสาวไป กับของขวัญที่ดารินซื้อให้เป็นแจ๊คเก๊ตกับถุงมือ เมื่อออกจากบ้านพี่ชาย พี่สะใภ้ ดารินแวะไปบ้านเพื่อนที่อยู่เมืองเดียวกันอีก หน้าบ้านหิมะหนามากๆ เพื่อนให้ดูรูปปีที่แล้ว เล่นกะลูกชายตัวเล็ก ขุดอุโมงค์หิมะกัน ปีนี่ได้ยินว่าจะทำกันอีก และยังให้ดูรูปที่ทำรถแคมป์ปิ้ง พ่วงติดรถกะบะเอง เอาส่วนกะบะรถมาพ่วงติด โดยตัดส่วนหน้ารถออก ความคิดดี เพื่อนดารินให้หมวกเอสกิโม มีปิดหูด้วย เป็นขน อุ่นมากๆ โอ้ทให้หมวกถักสีชมพูไป แลกกัน ถ่ายรูปด้วยกันแล้ว ออกเดินทางต่อ...แวะหม่ำๆๆๆ ก่อนเข้าพัก โรงแรมไปสนามบิน 5 นาทีเท่านั้น ค่อยยังชั่วไม่ต้องตื่นแต่เช้า เครื่องออก 11.30 น.




วันที่ 28 ธ.ค 52...เยๆๆๆ กลับบ้านแล้ว ตอนเช็คอิน ตรวจสมบัติขี้นเครื่องเกือบลืมเอาขวดน้ำออกอีกแล้ว นึกได้ตอนเข้าช่องไปแล้ว รีบหยิบขวดน้ำทิ้ง เจ้าหน้าที่ยิ้มให้ ค่อยดีหน่อย มาเร็วเหมือนขามา ก็รอๆๆๆๆๆ เที่ยวบินนี้ไม่เลื่อนค่อยยังชั่ว แต่เมื่อถึง มินิอโปลิส เลื่อนอีกแล้วค้าบ เฮ้อ! ชะเง้อมองแล้วมองอีกก็ไม่เห็นเครื่องบินซะที นักบิน กับแอร์นั่งคุยักันอยู่ใกล้ๆ เกือบชั่วโมงกว่าเครื่องบินจะมาถึง ทางเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกให้ไปรับตั๋ว ได้ที่นั่งคู่กันดีหน่อย ดารินขอนั่งตรงทางออกเพราะ พื้นที่จะกว้างกว่าปกติ อ่อ ...ขาไปนั่ง ชั้น 1 ขากลับ ธรรมดา ปีที่แล้วก็แบบนี้ แต่โอ้ทไม่รู้ ถึงว่าที่นั่งกว้างจัง แถมแอร์มาคอยถามจะดื่มอะไรไหมค่ะบ่อยด้วย..อิอิ และแล้วการเดินทางก็จบด้วยความเหนื่อยล้าจากอากาศที่เย็นๆๆๆๆ เตรียมตัวไปแล้วก็ยังไม่พอ เพราะคาดเดาไม่ถูกว่าจะเย็นมากกว่าปีที่แล้วขนาดนี้ ปีหน้าจะเป็นยังไงน๊า ...แต่ที่แน่ๆ ต้องไปคริสมาสต์ทุกปีด้วยนะซิ...กลับมาเดลาแวร์ อากาศร้อนกว่าไปเลย (แต่ก็ยังเย็นอยู่นะแหละ)

Sunday, January 10, 2010

ทำขนมปังไส้กรอกกินได้ สำเร็จแล้ววววว

วันอาทิตย์ที่ 10 ม.ค. 2553.....อยากทำขนมปังไส้กรอกมาแต่สัปดาห์ก่อนไปนอร์ธดาโกต้า หาสูตรที่ง่ายที่สุดให้ตัวเองเจอแล้วเซพเก็บไว้ เป็นสูตรเพื่อนคนไทยที่เคยคุยกันบ้างในเวบคนไทย กลับมาก็ยังไม่ได้ลงมือเพราะตั้งใจว่าต้องทำให้ได้ และกินได้ไม่เหมือนคราวที่แล้วปีที่แล้วทำหนมปังไส้เครนเบอรี่ ปรากฎว่านอกไหม้ในไม่สุก ควักไส้ไว้กินที่เหลือทิ้งๆๆๆๆ และแล้วความอยากทำก็มีถึงขั้นสุด จัดแจงออกไปหาซื้อวัตถุดิบมาจนครบตั้งแต่วันศุกร์ แล้วก็จัดแจงเมื่อเช้านี้ เริ่มด้วยส่วนสูตรคลิ๊กที่นี้ แต่ไม่ได้ใส่นมผงเพราะหาไม่ได้ และไม่ใส่ชีสด้วยเพราะไม่ชอบ ผลออกมายังไงน๊า มาดูกันเลยดีกว่า ไม่ต้องสาธยายมาก น่าเบื่อ...อิอิ


วัตถุดิบ ไม่มีนมผง


นวดมือจ้า เมื่อยไม่น้อย


ห่อพลาสติก พักไว้ 1 ชั่วโมงให้ฟู ตามสูตร จับใส่เตาอบไม่เปิดไฟ พร้อมน้ำร้อน ตัดเป็นชิ้น แล้วคลึง
(วีธีคลึงโอ้ทไม่ได้ดูตามที่สูตรแนะนำ เคยเรียนมาบ้าง เลยทำตามที่รู้แหละพอได้อยู่)



ใช้มือกดแล้วไม่บานพอ ต้องใช้เครื่องทุ่นแรงแบบนี้

ห่อไส้กรอก




ทำแบบไม่มีไส้ 3 ก้อน


จับใส่เตาอบไม่เปิดไฟ พร้อมน้ำร้อน อีก รอบ 1 ชั่วโมง ให้ฟู
อบไฟบน 400 ฟาเรนไฮต์ 8-10 นาที




ดารินกินกับซอสมะเขือเทศ


ปลื้มสุด สุด เลยเพราะคราวนี้กินได้ ไม่ต้องทิ้ง แบบนี้ค่อยอยากทำอีก ต่อไปจะทำไส้ไก่บ้างดีกว่า...อิอิ