Life is short then do what brings happiness to life.ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุข ก็ทำไป

เรื่องราวที่เขียนในบล๊อกเป็นประสบการณ์ และชิวิตประจำวันของโอ้ทเอง เขียนไว้เป็นบันทึก เก็บไว้อ่านย้อนหลังเมื่อวันเวลาผ่านไป ซึ่งเอากลับมาไม่ได้ หากสิ่งที่เขียนเป็นประโยชน์กับบางคน หรือหลายคนด้วยก็ดีใจ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ

Friday, October 23, 2009

ชอบอะไรก็ทำไป 1

นับจากวันที่มาเหยียบบนผืนแผ่นดีอเมริกาจนวันนี้ก็ 1 ปี 3 เดือน 21 วัน ได้เรียนรู้ และทำหลายสิ่งหลายอย่าง โอ้ทรักงานฝีมือ ทำต้ังแต่อยู่ไทย ไม่ชอบเรียนทฤษฎี ชอบลงมือทำเลย เคยไปเรียนตามโรงเรียนวิชาชีพของ กทม สวนลุมพินี สารพัดช่างที่ค่าเรียนแสนถูกชั่วโมงละ 1 บาท ศูนย์อาชีพ กทม เรียนฟรี และตามห้างฯ ที่เปิดสอนไม่มีค่าใช้จ่าย สรรหาไปทั่ว อะไรที่เข้าสมัยนิยมจะลองทำซะทุกอย่าง มีทั้งประสบความสำเร็จ เพราะชอบ และประสบความสำเร็จแต่ไม่ทำต่อเพราะไม่ชอบ มาอยู่อเมริกาก็ยังหอบหิ้วอุปกรณ์ และ หนังสือมาด้วย มีอะไรบ้างน๊า?


แรกเริ่มไม่มีจ้กรก็เย็บมือ ชอบเย็บกระเป๋าใช้เอง ตั้งแต่สมัยเรียน ปวช. ดัดแปลงเสื้อกางเกงเอง เข็มทิ่มมือเจ็บก็ทน แต่ละชิ้นกว่าจะเสร็จใช้เวลาหลายวันและนิ้วระบมเลยทีเดียว จนกระทั่ง แม่ซื้อหัวจักรให้เป็นแบบมอเตอร์แต่ไม่มีโต๊ะก็นั่งเย็บบนพื้น แล้วใช้เข่าเหยียบมอเตอร์ นี่ก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการใช้จักร มั่วใช้จนเป็น อาศัยเป็นคนฉลาด...อิอิ (คิดเอง) ก่อนแม่จะซื้อจักรให้ก็นานเป็นปี บ้านยายมีจักรเย็บผ้าแบบถีบ ไปทีไรจะขอใช้เย็บประจำ ไม่เป็นก็มั่วๆ เอา เพราะดูแล้วไม่น่าจะยาก ก็ทำได้ ตอนไปเรียนสารพัดช่างชั่วโมงละบาทก็ได้ความรู้มาเล็กน้อยการใส่ด้าย และการใช้เครื่องโพ้ง (เอเรียกเจ้านี่หรือเปล่าน๊า) สำหรับเย็บกันริมลุ่ย เมื่อมีจักรเองแล้วเย็บบ่อยมาก ชอบทำโน่นนี่เหมือนเดิม ซ่อมเสื้อผ้าเอง ไม่เป็นก็มั่วๆ เอา ดูแล้วเดาใช้อยู่2-3 ปี ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นไม่ได้เอาจักรไปด้วย ก็กลับมาที่จุดเริ่มต้นเย็บมือเหมือนเดิม แต่รักการเย็บผ้ามากขึ้น แม้จะยังเย็บไม่เป็นตามแบบแผนก็ตามที จนกระทั่้งมีหนุ่มเป็นของตัวเอง (สามี) ได้นายทุน ขอซื้อจักรอัตโนมัติที่อยากได้มานานแต่โดยตัวเองไม่มีปัญญาเพราะฉนวนราคาสูง แต่ก็ไม่ได้ซื้อที่แพงเริ่ดเพราะนั่นก็เกินความจำเป็น และที่สำคัญได้จักรตัวเก่าที่แม่ซื้อให้มาเทิร์นเป็นเงินได้ตั้ง 2000 บาท แม่บอกว่าได้กำไร 500 บาท เพราะแม่ซื้อมา 1500 ...อิอิ






เมื่อได้จักรเป็นของตัวเองตามที่ฝันไว้แล้ว งานเย็บทำบ่อยขี้นแทบทุกวันก็ว่าได้ เสาร์-อาทิตย์ก็สรรหาจักรที่ซื้อมาเป็นของเอลน่า (ก่อนจะตัดสินใจซื้อ หาข้อมูลเปรียบเทียบเป็นเดือนเชียวล่ะ เทียบราคา และ ความสามารถของจักร และการบริการของบริษัทฯ ขายจักร) นอกจากจะได้ส่วนลดเอาจักรเก่าไปเทิร์นแล้ว ยังได้เป็นสมาชิกฟรีอีกระยะนึงด้วย ได้รับวารสารการประดิษฐ์ รับข่าวสาร รวมทั้งเข้าร่วมอบรมการทำสิ่งประดิษฐ์ ได้ไปร่วมอบรมทำตะกร้ามาครั้งนึง และเย็บขอบ กะ ใส่ซิปมาครั้งนึง งานแสดงใหญ่ของเอลน่าที่โรงแรมย่านประตูน้ำครั้งนึง



กระทั่งย้ายมาอเมริกาก็หอบหิ้วมาด้วย แต่ต้องช้ำใจเพราะบริษัทที่ส่งของมาก่อนมีการกระแทก ทำให้จักรเจ้ง ซ่อมก็ไม่ได้ เศร้าซิงานนี้ ...แต่นายทุนคนเดิมใจดีถอยให้ใหม่ วันที่ไปรับจักรเก่าคืน จะเทิร์นร้านก็ไม่รับเพราะซ่อมไม่ได้ ปัจจุบันเก็บไว้ กลับบ้านเมื่อไรจะหอบหิ้วเอาไปให้บริษัทเอลน่าซ่อม ถ้าซ่อมได้ขายต่อจ้าเพราะมีคนที่จองไว้แล้วด้วย ถ้าถึงเวลานั้นไม่เปลียนใจไปแล้ว เมื่อนายทุนตกลงซื้อจักรให้แล้วก็ไม่รีรอจัดการสอบถามคนขายซี่งเป็นคนเช็ค ซ่อมจักร คือเจ้าของร้านนั่นเอง อยากได้จักรที่เหมือนหรือใกล้เคียงตัวเดิมเพราะใช้ง่ายและเป็นมือสอง เพราะคิดว่าราคาจะถูกกว่ามาก ปรากฎว่าราคาแตกต่างกับจักรใหม่ที่ใกล้เคียงกันเพียง $10 นายทุนบอกว่าเอาใหม่ดีกว่าและได้ใช้งานจนทุกวันนี้ ราคาเทียบเป็นบาทแล้ว ถูกว่าราคาจักรที่เจ้งครึ่งนึงทีเดียวแถมดีกว่าอีกต่างหาก แบบนี้ไม่ซื้อมาก็ดีซะกว่า แต่ทำไงได้ไม่รู้นี่นา
ปล.จักรเก่าขายอีเบย์ไป ราคาพอค่าส่งไปรษณีย์เท่านั้น จำไม่ได้ว่าเท่าไร



เป็นงานที่ไม่ชอบเลย นานมาแล้วสมัยย่ายังอยู่ย่าทำเก่งมากๆ เคยสอนให้ทำก็ทำอยู่ไม่กี่วัน ย่าคงเห็นว่าสอนไปก็ไม่ได้อะไรเพราะหลานคนนี้ไม่เอาซะเลย ย่าก็หยุดสอน แต่ยังทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา สมัยเรียน ป.5-6 มีวิชางานฝีมือถักตุ๊กตาได้ตั้งตัว ถักหงส์จากสีขาวเป็นสีกะปิได้อีกตัว ไม่อยากจะเชื่อตัวเอง แต่ก็ยังไม่ชอบอยูดี ถักริมผ้าเช็ดหน้าเป็นสิ่งที่ไม่ชอบที่สุด เพราะเข็มทิ่มนิ้วได้เลือดและปวดมากด้วย หัวเข็มโครเชท์ปากตะขอเกียวเนื้อออกมาละก็...อี๋ยไม่อยากจะคิด (เคยโดนเข็มเล็กทิ่มปวดมาก)


จนกระทั่งเรียน ปวช. ตอนนั้นกระเป๋าถักฮิต ก็อยากมีบ้างแต่ไม่อยากใช้ซ้ำใคร นี้เป็นที่มาทำให้จับโครเชท์ทำเองโดยไม่ถามย่าด้วย ทำได้แต่โซ่อย่างเดียว ถักเป็นสี่เหลี่ยมหลายๆ ชิ้นแล้วมาเย็บต่อกันเป็นกระเป๋าทรงกล่อง ถักสายเล็กๆ ยาวๆ เย็บเป็นหูสะพาย ได้ล่ะ 1 ใบ แล้วต่อจากนั้นก็มีทำเป็นใบแบนๆ สะพายสีรุ้ง อีก 1 ใบ ทำใบกลมร้อยเชือกรูดปาก 1 ใบ เสียดายสมัยนั้นยังไม่มีกล้องดิจิตอล เลยไม่มีรูปมาให้ดู ปัจจุบันขายตลาดนัดไปหมดแล้ว ใบละ 20 บาท ทุกวันนี้หาในเนต มียูทูปช่วยทำให้เข้าใจง่าย ซื้อหนังสือลายมาหัดทำดอกไม้โครเชท์ได้ ทำชุดกระโปรงได้ ทำกระโปรงได้ แล้วยังมือหมอน ผ้าคลุมไหล่ ซองใส่มือถือ หมวก และ อื่นๆ อีก ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะทำได้


3. งานผ้าใยบัว

เห็นตามห้างฯ จะมีโต๊ะสอน ดูแล้วไม่น่าจะยาก เรื่องอะไรจะเสียเงินเรียนแพงๆ จัดแจงซื้อหนังสือมาดู ซื้ออุปกรณ์มา ทำสิ่งแรก ดอกลีลาวดี ทำได้ 2 ดอกจนปัจจุบันก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ยากเอาเรื่อง ดีงผ้าหุ้มลวดแล้วผ้าเหลือเสียเยอะมาก ต้องมีเทคนิคในการดึงซึ่งไม่รู้นี่ล่ะยาก อยากทำเป็นต้นไม้เอาไว้จัดคริสมาสต์ แต่คงต้องให้มีแรงบันดาลใจมาก มาก ถึงขั้นว่าเอาล่ะต้องทำให้ได้ซะที ปจจุบันอุปกรณ์ยังคงเก็บอย่างดีเอามาอเมริกาด้วยจ้า



4.ถักเชือก (เมคราเม่)

จำได้ว่าสมัย ป5-6 ได้เรียนถักที่แขวนกระถางต้นไม้ชอบมาก แต่ไม่เคยทำอีกเลย กระทั่งเรียนมหาวิทยาลัยช่วงเวลานั้น วัยรุ่นอย่างโอ้ทนิยมใส่เชือกถัก ไม่ว่าจะเป็นข้อมือ สร้อยคอ ข้อเท้า แหวน เห็นแล้วเราทำได้น่ะ ไม่น่าจะยาก ซื้อใส่ก็ไม่ภูมิใจซิ มีเพื่อนทำเป็นให้สอนทำลายง่ายๆ จากนั้น เวลาไปเดินห้างฯ หรือ บริเวณที่วัยรุ่นเดินซื้อของกัน โดยเฉพาะหน้ารามฯ จะยืนดูแม่ค้าทำแล้วจำมาทำเอง จนทำได้เป็นโปรเชียวแต่ไม่ได้ทำขาย ทำแจกซะมากกว่า ก่อนมาอเมริกาซื้อหนังสือเมคราเม่ติดมาด้วย


ได้ถักหูร้อยแขวนถ้วยใส่อาหารนกบนต้นไม้ แต่ไม่ได้ดูในหนังสือ มีความรู้เดิมฝังอยู่ในหัวอันชาญฉลาด....อิอิ



หมดเวลาแล้ว เพราะนายทุนจะถึงบ้านอีกชั่วโมงต้องเตรียมทำอาหารแล้วล่ะ มาโม้ต่อคราวหน้านะจ๊ะ ยังมีอีกหลายอย่างเลยจะบอกให้ อยากเป็นคนเก่งน่ะ ทำมันซะมากมาย...อิอิ

No comments:

Post a Comment

ขอบคุณมิตรภาพ และความคิดถึงที่เอามาฝากไว้ที่นี่ค่ะ

Thank you for visiting.